AEC for Happy Family กับ เกษมสันต์ (กุมภาพันธ์ 2557)
ให้ลูกเรียนภาษาอะไรดี?
มีคุณแม่คุณพ่อถามผมเยอะเลยครับว่า ควรจะให้ลูกเรียนภาษาอะไรดีเมื่อเรากลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนเต็มตัว หรือ AEC ในปลายปี 2558 แล้ว
ก่อนอื่นเรามาเข้าใจให้ตรงกันก่อนนะครับว่าการเป็น AEC นั้นความ “เนื้อหอม” ไม่ได้อยู่ที่10 ประเทศสมาชิก AEC แต่อยู่ที่ “คู่ค้า” ที่ทาง AEC มีสัญญาการค้าเสรีไว้ด้วย เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่พอรวมกันแล้วขนาดก็ราวๆครึ่งโลก ทั้งในแง่จำนวนคนและกำลังซื้อ เรื่องนี้หล่ะครับที่ทำให้ประเทศที่เหลือในโลกอยากมาลงทุนค้าขายและตั้งสำนักงานใน AEC ครับ
ทีนี้เราไปดูกันครับว่าแต่ละประเทศ เขามีคนเชื้อชาติอะไรอยู่กันบ้างและเขาพูดภาษาอะไรกัน
เริ่มกันที่บ้านใกล้เรือนเคียวของเรากันนะครับ ลาวกับพม่า แม้ว่าในสองประเทศนี้เขาจะมีคนหลายเชื้อชาติ หลายชนเผ่าแต่ภาษาหลักที่เขาใช้เป็นภาษาเดียวครับคือในลาวใช้ภาษาลาว ในพม่าใช้ภาษาพม่า
ส่วนที่เขมร นี่พิเศษกว่าลาวกับพม่าหน่อยคือ ที่เขมรนี่เขาใช้หลายภาษาหน่อยคือ ภาษาเขมรเอง อังกฤษ ฝรั่งเศส จีนและเวียดนาม ขณะที่คนเวียดนามเขาใช้ภาษาเวียดนามเป็นหลัก แต่ภาษาทางธุรกิจคนเวียดนามเขาสามารถ ใช้ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสและจีนติดต่อสื่อสารกันได้นะครับ
ที่ฟิลิปปินส์นั้นนอกจากจะใช้ภาษาตากาล็อกและภาษาอังกฤษกันแล้ว คนฟิลิปปินส์ยังสามารถพูดภาษา สเปน จีนฮกเกี้ยนและจีนแต้จิ๋วกันได้อีกด้วยนะครับ
ที่มาเลเซีย ประเทศที่ผมคิดว่ามียุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่น่าสนใจมาก เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รายได้เฉลี่ยของคนมาเลเซียมากกว่าคนไทยราวๆ 20,000 บาทเท่านั้นคือเขามีรายได้เฉลี่ยคนละ 70,000 บาทเศษส่วนคนไทยมีรายได้เฉลี่ย 50,000 บาท แต่มาตอนนี้ไทยเรามีรายได้เฉลี่ยคนละ 170,000 บาทเศษ ขณะที่คนมาเลเซียมีรายได้เฉลี่ยคนละ 320,000 บาทเศษ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาบริหารจัดการประเทศ อย่างมียุทธศาสตร์และเป็นระบบมากกว่าไทยเรา ที่น่าสนใจสำหรับมาเลเซียและน่าเศร้าใจสำหรับไทยคือ อีกราวๆ 5 ปีมาเลเซียเขาจะยกระดับประเทศตัวเองให้ไปเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เป็นประเทศที่ 3 ใน AEC ต่อจากสิงคโปร์และบรูไนครับ ส่วนไทยเราก็คงยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาต่อไป
คนในมาเลเซียส่วนใหญ่เป็น คนมาเลย์และคนจีนครับ โดยมีคนมาเลย์ 40 เปอร์เซ็นต์ คนจีน 33 เปอร์เซ็นต์ คนอินเดีย 10 เปอร์เซ็นต์ ที่มาเลเซียนี่เขาเลยใช้กันทั้ง 3 ภาษาเลยนะครับคือ ภาษามาเลย์ อังกฤษและจีน
เหมือนๆกับที่สิงคโปร์ที่ใช้ทั้ง 3 ภาษานี้เพราะแต่ก่อนมาเลเซียกับสิงคโปร์นั้นเป็นประเทศเดียวกัน จนกระทั่ง มีความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างคนมาเลย์กับคนจีน สิงคโปร์ก็เลยแยกตัวออกมาจากมาเลเซียเมื่อ 50 ปีที่แล้ว นี่เองครับ คนจีนส่วนใหญ่ก็เลยอพยพออกมาจากมาเลเซียมาอยู่ที่สิงคโปร์ คนจีนในสิงคโปร์ก็เลยเป็น คนส่วนใหญ่ของประเทศคือมีมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ และมีคนมาเลย์อีกราวๆ 14 เปอร์เซ็นต์และคนอินเดียอีก 8 เปอร์เซ็นต์
อีกประเทศหนึ่งที่ใช้ทั้งสามภาษานี้คือบรูไนครับเพราะคนส่วนใหญ่ที่บรูไนเป็นคนมาเลย์ เกือบๆ 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นคนจีน บรูไนก็เลยใช้ภาษาเหมือนๆกับมาเลเซียและสิงคโปร์
ส่วนที่อินโดนีเซียแม้ว่าจะมีภาษาพื้นเมืองมากกว่า 500 ภาษา แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศเขาสามารถ ใช้ภาษาอินโดนีเซียกันได้นะครับ ภาษาอินโดนีเซียจึงเป็นภาษาหลักของประเทศซึ่งภาษาอินโดนีเซีย นี่แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับภาษามาเลย์เลยครับ คนทั้ง 4 ประเทศนี้คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไนและอินโดนีเซีย จึงสามารถพูดคุยกันรู้เรื่องแบบสบายๆ ด้วยภาษามาเลย์ครับ
เพราะฉะนั้นถ้าคุณแม่คุณพ่ออยากให้ลูกเป็นนักธุรกิจใหญ่โตใน AEC ละก้อ ภาษามาเลย์น่าสนใจมากนะครับ ท่านทูตไทยประจำสำนักเลขาธิการอาเซียนที่ผมได้ไปคุยด้วยก็คอนเฟิร์มเรื่องการเรียนภาษามาเลย์นะครับ ท่านว่าใครพูดภาษานี้ได้จะมีโอกาสสูงมากที่จะร่ำรวยจากการเป็น AEC เพราะถ้าเดินทางไป 4 ประเทศที่ว่านี้ จะสามารถสื่อสารกับคนพื้นเมืองได้สบายๆ แน่นอนครับ
นึกไม่ออกใช่มั้ยครับว่าภาษามาเลย์พูดยังไง สวัสดีตอนเช้าก็ “เซอลามัต ปากี” ยินดีต้อนรับก็ “เซอลามัต ดาตัง” ส่วนขอบคุณก็ “เตอริมา กาซี” คุ้นๆกันแล้วใช่มั้ยครับ ผมว่าการออกเสียงภาษามาเลย์นั้นง่ายกว่าภาษาจีน เยอะเลยครับ น่าเรียนมาก
ส่วนภาษาที่อาเซียนเขาตกลงกันให้เป็นภาษาทางการของอาเซียนก็คือ “ภาษาอังกฤษ” นะครับ ดังนั้นการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการระหว่าง 10 ประเทศสมาชิกก็เลยต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักครับ
ผมเลยอยากแนะนำคุณแม่คุณพ่อครับว่า ถ้าอยากจะให้ลูกรักมีความสำเร็จในอนาคตมากกว่าคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน การรู้สองภาษาหรือมากกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งยวดนะครับ
ภาษาแรกที่ผมอยากให้คุณแม่คุณพ่อเน้นกับลูกๆคือภาษาอังกฤษนะครับ เพราะนอกจากจะเป็นภาษาหลักของ AEC แล้วภาษาอังกฤษยังเป็นภาษาที่สามารถใช้ติดต่อสื่อสารได้ทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งวันนี้ความสามารถทางภาษา อังกฤษของเด็กไทยนั้นอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กๆในกลุ่ม AEC ด้วยกันครับ
ล่าสุดมีการเอาคะแนนสอบ TOEFL มาเปรียบเทียบกันผลปรากฎว่าเด็กสิงคโปร์กับเด็กมาเลเซียได้คะแนนเฉลี่ย 550 คะแนน ส่วนเด็กพม่า ลาว เขมร ได้คะแนนเฉลี่ย 500 คะแนน ส่วนเด็กไทยได้คะแนนเฉลี่ยเพียง 450 คะแนนต่ำสุดใน AEC เลยครับ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการสอนภาษาอังกฤษในบ้านเรานั้นมัวแต่ไปเน้นแกรมม่าหรือไวยากรณ์ ถ้าไวยากรณ์ยังไม่เก่ง ครูจะไม่ยอมให้พูดหรือเขียน ซึ่งผมว่าเป็นการสอนภาษาอังกฤษที่ผิดทาง ที่ถูกสำหรับการเรียนภาษาต่างประเทศ ทุกๆภาษาก็คือ ต้องเน้นที่การพูด การอ่านการเขียน ต้องทำให้เด็กมีความสนุกมีความกล้าที่จะพูดหรืออ่านเขียน โดยไม่ต้องห่วงว่าจะผิดไวยากรณ์หรือไม่ ให้เด็กรู้สึกสนุกและกล้าที่จะพูด อ่าน เขียนก่อน เมื่อกล้าและคล่อง แล้วจึงค่อยๆแก้ไขไวยากรณ์ที่ผิด
ที่สำคัญคุณแม่คุณพ่อต้องหาทางสร้างโอกาสที่ลูกรักจะได้ใช้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ใน ทุกกิจกรรมประจำวัน ควรจะชวนลูกรักพูดภาษาอังกฤษแบบสนุกๆตลอดเวลาเลยครับ แป๊บเดียวลูกก็จะเก่ง ไม่ต้องรอเรียนและฝึกเฉพาะในห้องเรียนหรือในห้องเรียนพิเศษเท่านั้น
อย่ากังวลเรื่องการออกเสียงว่าสำเนียงจะไม่เหมือนเจ้าของภาษานะครับ ผิดบ้างเพี้ยนบ้างถูกบ้าง ไม่ใช่ปัญหาครับ เวลาเราได้ยินคนต่างชาติพูดภาษาไทย เพี้ยนๆเหน่อๆ เรายังรู้สึกว่าคนต่างชาติคนนั้นน่ารักดี แล้วทีเราพูดภาษาอังกฤษเหน่อๆ ทำไมเราจะไม่น่ารักในสายตาคนต่างชาติ จริงมั้ยครับ