Amazing AEC – ความรักของลีกวนยิว

0
508

สัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนสิงคโปร์ต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของความเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของรัฐบุรุษของประเทศ ลีกวนยิว แม้ภาพของเขาที่คนส่วนใหญ่จดจำจะเป็นภาพผู้นำที่เด็ดขาด เข้มแข็ง แต่ลีกวนยิวก็มีมุมที่อ่อนไหวกับความรักที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ลีกวนยิวพบกับกวาค็อกชูครั้งแรกที่ “แรฟเฟิลคอลเลจ” โรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ เมื่อตอนแรกพบนั้นไม่ใช่เรื่องของรักแรกพบแน่ๆ เพราะทั้งสองคนพบกันในฐานะคู่แข่งกัน เพราะแม้ว่าเขาจะเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งมาก แต่สำหรับวิชาเศรษฐศาสตร์และภาษาอังกฤษแล้วเขายังทำคะแนนได้เพียงแค่ที่สองแพ้กวาค็อกชู

เวลาผ่านไป จากการเป็นคู่แข่งในเรื่องเรียน มิตรภาพของความเป็นเพื่อนก็เติบโตแล้วค่อยๆ กลายเป็นความรักในที่สุดจนกระทั่งปี พ.ศ. 2489 เมื่อลีกวนยิวตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษด้วยทุนส่วนตัว เพราะฐานะทางบ้านของเขานั้นต้องถือว่าอยู่ในขั้นที่ดี เขาจึงถามกวาค็อกชูว่า “เธอจะรอจนเขากลับมาเมื่อจบการศึกษาในอีก 3 ปีข้างหน้าได้หรือไม่?” กวาค็อกชูซึ่งมีอายุแก่กว่าเขา 2 ปีเศษจึงถามกลับว่า รู้หรือไม่ว่าเธอนั้นแก่กว่า? เขาตอบว่า “รู้และคิดดีแล้วก่อนจะขอให้เธอรอ เพราะเขารู้ตัวดีว่าเขาโตกว่าอายุจริง และเพื่อนของเขาทุกคนต่างก็แก่กว่าเขา ที่สำคัญเขาต้องการคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่พอๆ กันที่สำคัญเขาไม่คิดว่าเขาจะมองคนอื่นๆได้อีกแล้ว”ตอบซะหวานขนาดนี้ กวาค็อกชูจึงตอบว่าเธอจะรอเขากลับมา

แทนที่จะรอนานถึง 3 ปี กวาค็อกชูพยายามอย่างหนักในการสอบชิงทุนซึ่งมีเพียงปีละหนึ่งทุนเท่านั้นสำหรับเด็กสิงคโปร์ เพื่อจะไปเรียนต่อที่เคมบริดจ์ เหมือนโชคชะตาลิขิตเธอสอบชิงทุนได้ในปีต่อมา เมื่อได้พบกันอีกครั้งในอังกฤษได้ ไม่กี่เดือน ลีกวนยิวจึงชวนกวาค็อกชูไปเที่ยวที่บ้านเกิดของเชคสเปียร์ กวีเอกของโลก ที่เมืองสแตรทฟอร์ด ริมแม่น้ำเอวอน และที่นั่นเองที่เขาได้ขอเธอแต่งงานด้วยแหวนเงินวงเล็กๆ ที่เขาเตรียมมา ซึ่งในภายหลังแหวนวงนี้กวาค็อกชูก็ได้นำมาร้อยใส่สร้อยคอและสวมติดตัวเธอไว้ตลอดเวลา แม้จะเป็นการแต่งงานแบบลับๆ รู้กันได้เพียงสองคนเท่านั้น แต่กวาค็อกชูก็ตอบรับอย่างไม่ลังเล เพราะยังดีกว่าแอบอยู่ด้วยกันอย่างลับๆ เธอเปิดเผยในภายหลัง

Amazing AEC - ความรักของลีกวนยิว

เมื่อจบการศึกษากลับมาสิงคโปร์แล้วทั้งคู่ ลีกวนยิวจึงได้จัดงานแต่งงานกับกวาค็อกชูแต่งงานอีกครั้งอย่างเปิดเผยและเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กันยายนปี พ.ศ. 2493 ซึ่งเขาได้กล่าวว่า “การแต่งงานสองครั้งไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติเพราะผมแต่งงานกับผู้หญิงคนเดิม” แม้กวาค็อกชูจะบอกว่าเธอทำตัวเป็นภรรยาที่ดีตามแบบของเอเชียก็คือเดินตามหลังสามีสองก้าวเสมอแต่ในความเป็นจริง “เธอร่วมฟันฝ่าชีวิตครอบครัวและการเมืองกับลีกวนยิวอย่างที่ไม่เคยทอดทิ้งกันให้ โดดเดี่ยวแม้แต่วินาทีเดียว” และนั่นน่าเป็นประโยคที่แสดงให้เห็นถึงความรักของคนทั้งสองที่มีให้กันอย่างชัดเจนที่สุด

โลกทั้งโลกก็ได้รับรู้ถึงความรักของลีกวนยิวที่มีต่อกวาค็อกอย่างไม่เสื่อมคลายเมื่อเธอต้องประสบอาการสโตรคหัวใจขาดเลือดกระทันหันสองครั้งใน ปี พ.ศ. 2551 ซึ่งทำให้เธอมีปัญหาในการเคลื่อนไหวและไม่สามารถพูดได้ แต่ยังมีสติพอจะรับรู้เรื่องต่างๆ ที่เธอได้ยินได้ ลีกวนยิวได้ใช้เวลาทุกคืนอยู่กับเธอเพื่ออ่านบทกวีให้เธอฟัง แม้ในยามที่เขาต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำหน้าที่รัฐบุรุษของสิงคโปร์ เขาก็มักจะรีบรับประทานอาหารค่ำให้เสร็จเร็วกว่าคนอื่นแล้วขอตัวมาอ่านบทกวีให้กวาค็อกชูฟังทางโทรศัพท์ ก่อนที่เธอจะจากไปอย่างสงบขณะนอนหลับในปี พ.ศ. 2553 นั้น เธอไม่ตอบสนองต่อเสียงอื่นใดทั้งสิ้นนอกจากจากเสียงของลีกวนยิว

“ถ้าไม่มีเธอ ผมคงจะไม่เป็นคนเช่นนี้ ชีวิตผมคงจะเปลี่ยนไป เธออุทิศตัวเพื่อผมและลูกๆ เธอจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ ในเวลาที่ผมต้องการ” คือประโยคสุดท้ายที่ลีกวนยิวมีให้กับผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่เขารัก ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่

[smartslider3 slider="9"]