ในที่สุดคนกรีกก็ได้แสดงความอะเมซิ่งให้โลกเห็น เพราะเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมาคนกรีกได้ออกมาลงประชามติ บอกโลกทั้งโลกโดยเฉพาะเจ้าหนี้ว่าพวกเราไม่พร้อมจะปรับปรุงตัวเองและไม่พร้อมจะหารายได้ให้มากขึ้นเพื่อมาใช้หนี้ที่มีอยู่ท่วมประเทศ
ผมยังนึกไม่ออกถึงเหตุผลที่นายกฯกรีซ อเล็กซิส ซีปราส จะเอาไปต่อรองกับเจ้าหนี้ว่าทำไมเจ้าหนี้จึงควรจะยอมลดหนี้ ขยายเวลาปลอดหนี้และให้เงินกู้เพิ่มกับกรีซอีก เหตุผลเดียวที่เจ้าหนี้ทั้งหลายจะต่อลมหายใจให้กรีซคือ “มนุษยธรรม” ครับ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันในกรีซนั้นหนักหนาสาหัส ธนาคารพาณิชย์ไม่มีเงินให้คนถอน ร้านค้าต่างๆ ก็ไม่มีของให้ซื้อเพราะไม่มีเงินไปซื้อของมาขาย รายได้หลักที่เคยได้จากการท่องเที่ยวก็หายไปอย่างมากเพราะนักท่องเที่ยวยกเลิก การมาเที่ยวเพราะไม่มั่นใจว่าเมื่อมาเที่ยวแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อาหารการกินก็ขาดแคลน
ถ้าจะถามว่ายูโรโซนนั้นกลัวว่ากรีซจะถอนตัวจากการเป็นประเทศที่ใช้เงินยูโรมั้ย คำตอบคือ “ไม่” เพราะคนกรีซมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์บอกว่ายังอยากจะใช้เงินยูโรอยู่เหมือนเดิม ที่สำคัญตอนนี้ยูโรโซนนั้นเข้มแข็งมากกว่าเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วที่ ยูโรโซนทำท่าจะพังลงไป ดังนั้นถ้ากรีซจะออกจากยูโรโซนคนที่จะเดือดร้อนจะกลายเป็นกรีซเสียมากกว่าเพราะเมื่อออกจากยูโรโซน กรีซก็จะไม่มีเงินกู้ฉุกเฉินมาเติมสภาพคล่องที่แห้งเหือดของประเทศ จะกลับไปพิมพ์เงินสกุลเดิมของตัวเอง ออกมาใช้ คู่ค้าหรือประเทศไหนจะกล้ารับเงินที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมีค่าหรือเปล่า ที่สำคัญประเทศอื่นๆ ที่เคยมีปัญหาเหมือน กรีซ เช่นโปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลีและสเปนนั้นเขาก็ได้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของพวกเขาจนเข้มแข็งแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นเด็กเกเรเบี้ยวหนี้เหมือนกรีซ และไม่มีเหตุผลที่ดีในการจะออกจากยูโรโซน
เพราะฉะนั้น “มนุษยธรรม” จึงดูเหมือนจะเป็นเหตุผลที่เหมาะสมที่สุดเหตุผลเดียวในการที่เจ้าหนี้ทั้งหลายจะปล่อยเงิน กู้ฉุกเฉินเพื่อกอบกู้สถานการณ์ของกรีซให้เข้าสู่สถานการณ์ปกติ
การผันผวนของตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ตลาดเงิน ในช่วงนี้เป็นเรื่องธรรมดา ผมอยากให้ดูด้วยใจสบายๆ อย่าไปตื่นเต้น เพราะคนในวงการเหล่านี้เขารู้เขาเห็นสถานการณ์นี้มาหลายปีแล้ว และสถานการณ์ที่ผันผวนแบบนี้แหล่ะที่เขาจะทำกำไรกัน พวกเราคนทำมาหากินปกตินั้นอย่าได้ไปตื่นเต้นไปกับเกมส์การเงินของพวกเซียนๆ เขาเลย
อีกอย่างที่ผมอยากจะย้ำไว้อีกครั้งก็คือวิกฤติครั้งนี้จะไม่ลามมาไทยหรือลามมาเออีซีของเราเพราะสัดส่วนความสำคัญของกรีซที่มีต่อยูโรโซนนั้นมีแค่เปอร์เซ็นต์เศษๆ เท่านั้นเอง เล็กนิดเดียว ในมุมการค้าปีๆ หนึ่งที่ไทยเราค้าขายกับโลกมูลค่า เกือบๆ 15 ล้านล้านบาทนั้นน่ะไทยเราค้าขายกับกรีซปีหนึ่งๆไม่ถึง 1,000 ล้านบาทด้วยซ้ำไป
ที่อยากจะย้ำเอาไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือ “หนี้สาธารณะ” ของกรีซที่สูงถึง 176 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี สูงเป็นอันดับสองของโลก และเป็นต้นเหตุของวิกฤติในกรีซนั้น ประเทศไทยของเรานั้นมีหนี้สาธารณะเพียง 46 – 47 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองและผู้คนที่ เกี่ยวข้องต่างยังช่วยกันดูแลวินัยทางการคลังและระดับของหนี้สาธารณะได้เป็นอย่างดี ไทยเราจึงจะไม่เดินตามรอยกรีซ อย่างแน่นอน
และสุดท้ายเรื่องค่าเงินอาเซียนนั้นไม่ได้อยู่ในข้อตกลงในการเป็นประชาคมอาเซียนเลยนะครับ เพราะฉะนั้นวิกฤติของ กรีซที่โดนซ้ำเติมด้วยค่าของเงินยูโรที่ไม่สะท้อนภาวะความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของกรีซนั้นจึงจะไม่เกิดขึ้นใน ไทยและเออีซีของเราอย่างแน่นอน
แต่ที่ไม่น่าอะเมซิ่ง แต่อยากจะเตือนกันเอาไว้ตรงนี้ว่าแม้วิกฤติกรีซจะไม่กระทบและไม่ลามมาถึงเมืองไทยของเรา แต่ไม่ได้ หมายความว่าเราจะไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะเราไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการบริหารประเทศนะครับ
