Amazing AEC – ชีวิตอะเมซิ่ง

0
561

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันเกิดอายุครบ 54 ปีของโจโค วิโดโด หรือที่ตอนนี้คนทั้งโลกรู้จักในชื่อย่อว่าโจโควี่ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของอินโดนีเซีย

ชีวิตของโจโควี่เป็นชีวิตที่มีอะไรน่าอะเมซิ่งเต็มไปหมด เช่น จากคนธรรมดาสามัญชน สามารถก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 7 ของอินโดนีเซีย ประเทศที่ทหารมีบทบาทมากเหลือเกินในการปกครองและบริหารประเทศ คนธรรมดาสามัญชนก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้ก็ว่าน่าอะเมซิ่งแล้ว แต่ที่น่าอะเมซิ่งกว่าก็คือเขาใช้เวลาเพียงแค่ 10 ปี จากจุดเริ่มต้นคือการเป็นนายกเทศมนตรีในเมืองที่เป็นบ้านเกิดคือเมืองโซโล ไม่เต็มสองสมัยดีคือเป็นแค่ 7 ปี เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ว่าฯ กรุงจาการ์ต้า เมืองหลวง เป็นผู้ว่าฯ นั่งเก้าอี้ไม่ทันร้อน คือนั่งได้เพียง 2 ปีประชาชนก็เรียกร้อง ให้มาลงสมัครเป็นประธานาธิบดี ซึ่งเป็นการเลือกตั้งโดยตรงมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547

กล้าลงต่อกรเป็นประธานาธิบดีกับอดีตนายพลใหญ่ที่พื้นฐานทางบ้านใหญ่โตมาตั้งแต่สมัยปู่จนเลยมาถึงสมัยพ่อและเอา ชนะได้แบบสบายๆ ก็ว่าน่าอะเมซิ่งแล้ว แต่การที่โจโควี่สามารถฝ่ามือเก๋ากึกทางการเมืองเช่น นางเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี หัวหน้าพรรคการเมืองที่เขาใช้เป็นฐานเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง จนสามารถแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีให้มีคุณภาพคับแก้วได้ จนผู้คนทั้งโลกยอมยกนิ้วให้ผมว่าน่าอะเมซิ่งยิ่งกว่า

ชีวิตการเมืองว่าน่าอะเมซิ่งแล้ว ชีวิตส่วนตัวของโจโควี่ก็เรียบง่ายติดดินจนน่าอะเมซิ่ง อย่างเช่น เสื้อผ้าที่ใส่ไปทำงานทุกวันถ้าหากไม่ต้องใส่สูท ชุดที่คนอินโดนีเซียเห็นจนชินตาคือเขาจะใส่แสล็คสีดำกับเสื้อเชิ๊ตสีขาวล้วนหรือเสื้อผ้าบาติค ซึ่งภรรยาจะจัดวางให้เลือกสองสามตัวในทุกเช้า เพราะสามีแต่งตัวเรียบง่าย สตรีหมายเลข 1 ของอินโดนีเซียก็เลยพลอยแต่งตัวเรียบง่ายไปด้วย เสื้อผ้าของนางอิเรียน่า วิโดโดนั้นหาซื้อได้ตามตลาดพื้นเมืองทั่วไป ของแบรนด์เนมนี่แทบจะไม่ค่อยมีคนเคยเห็นเธอถือเลย อาหารการกินก็เรียบง่าย เพราะอาหารหลักของโจโควี่คือ เท็มเป หรือถั่วเหลืองหมักเป็นก้อน ซึ่งเป็นอาหารหลักราคาถูกของคนอินโดนีเซียทั่วๆ ไปนั่นเอง

ตัวพ่อแม่ใช้ชีวิตติดดินเรียบง่ายก็ว่าน่าอะเมซิ่งแล้ว แต่การที่เขาสามารถสอนให้ลูกทั้งสาม ชายสองหญิงหนึ่งซึ่งเป็นลูกนายกเทศมนตรีเมืองโซโล ต่อมาได้กลายเป็นลูกผู้ว่าฯกรุงจาการ์ต้า และสุดท้ายได้กลายเป็นลูกประธานาธิบดีของประเทศ ให้เรียบง่ายติดดินได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ ลองดูตัวอย่างลูกชายคนโตที่ทำธุรกิจรับจัดเลี้ยงในเมืองโซโล นอกจากจะพยายามทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองแล้ว ลูกชายคนโตซึ่งปัจจุบันอายุ เพียง 28 ยังมีจริยธรรมทางธุรกิจมากพอ ที่จะประกาศไม่รับจัดงานให้สำนักงานเทศบาลเมืองโซโล เพื่อป้องกันคำครหาเรื่องการใช้เส้นสายของพ่อเข้าไปรับงาน

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือการที่ลูกชายคนเล็กของครอบครัวนี้ที่เพิ่งได้รับประกาศนียบัตรจากโรงเรียนในสิงคโปร์ บอกว่าการเดินทางส่วนใหญ่ของเขาในสิงคโปร์ก็คือการนั่งรถโดยสารประจำทางหรือรถบัสเพราะค่าโดยสารถูกกว่าการนั่งรถไฟใต้ดิน เพราะเงินที่พ่อแม่ให้มามีจำนวนจำกัด เขาจึงต้องประหยัดไว้ก่อน ที่น่าอะเมซิ่งกว่านั้นก็คือลูกชายคนเล็กนี่แทนที่จะไปคุยโม้อวดเบ่งว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร ใหญ่แค่ไหนในอินโดนีเซีย แต่เขากลับบอกคนอื่นๆ ว่าพ่อของผมเป็นนักธุรกิจธรรมดาๆ ความลับมาแตกก็ตอนที่โรงเรียนจัดงานรับประกาศนียบัตรที่พ่อแม่จะต้องมาร่วมงานนั่นเอง  ที่คนทั้งโรงเรียนถึงรู้ว่าเด็กคนนี้มีพ่อเป็นประธานาธิบดีเลยทีเดียว ตอนที่โจโควี่กับภรรยาเดินทางมาสิงคโปร์เพื่อมาร่วมงานของลูกชายคนเล็ก เขาได้สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งโลกอีกครั้ง ด้วยการซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเงินส่วนตัว และเลือกที่จะเดินทางในชั้นประหยัด ซึ่งโจโควี่นั้นบินในชั้นประหยัดมาโดยตลอดไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใหญ่แค่ไหน

ปีนี้เพิ่งอายุเพิ่งจะเต็ม 54 ปี โจโควี่ยังมีโอกาสสร้างเรื่องอะเมซิ่งให้เราได้ติดตามอีกนานเลยครับ

[smartslider3 slider="9"]