Amazing AEC – ดราม่าการเมืองฟิลิปปินส์

0
519

อาทิตย์ที่แล้วผมเขียนถึง 8 อะเมซิ่งการเมืองฟิลิปปินส์ไปแล้ว วันนี้เรามาต่อกันด้วยดราม่าการเมืองของประเทศนี้กันดูบ้าง

ดราม่าแรก ก็คือ การเมืองในฟิลิปปินส์เป็นการเมืองที่ผูกขาดอำนาจโดยตระกูลการเมืองเก่าๆ ซึ่งในแต่ละเมืองก็จะมี ตระกูลการเมืองเพียง 1 หรือ 2 ตระกูลผูกขาดกันอยู่ ไม่ตระกูล ก. ก็ตระกูล ข. ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ บางเมืองตระกูล ก. กับ ตระกูล ข. เขาก็แต่งงาน รวบอำนาจกันไปเลย ดังนั้นในการเลือกตั้งกี่ครั้งกี่หน ไม่ว่าจะในระดับชาติหรือในท้องถิ่น ก็จะมีแต่นักการเมืองตระกูลเดิมๆผลัดกันชนะเข้าสู่ระบบการเมือง

ดราม่าที่สอง เมื่อการเมืองเป็นเรื่องผูกขาดอยู่ในตระกูลการเมืองเดิมๆ นักการเมืองหน้าเก่าๆเหล่านี้จึงเน้นที่คะแนนเสียง ในพื้นที่ของตนเอง ไม่ค่อยสนใจคะแนนนิยมในระดับกว้างมากนัก ว่ากันง่ายๆว่าแม้จะเป็นนักการเมืองที่เลวระดับชาติแต่ เป็นนักการเมืองที่ดีและเอาใจคนในท้องถิ่นก็ยังสามารถเข้ามาสู่วงจรอำนาจของประเทศนี้ได้อย่างสบาย ๆ นักการเมืองที่มี คดีคอร์รัปชั่นหรืออื่นๆจึงยังลอยหน้าลอยตาในสภากันอยู่เต็มไปหมด ตระกูลมาร์กอสก็ยังเป็นที่รักของจังหวัดตัวเองอยู่ โจเซฟ เอสตราด้า คราวนี้ก็ยังได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองมะนิลาอีกรอบ

ดราม่าที่สาม คนฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญกับลีลาท่าทางในการหาเสียงมากกว่านโยบาย ผู้สมัครที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดใจที่ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Charisma  นักการเมืองที่นี่ก็เลยเน้นลีลาการหาเสียงที่เน้นการเอามันส์ไว้ก่อน ขึ้นเวทีหาเสียงกันเมื่อไหร่ก็เสียดสีสาดโคลนใส่กันและกันเกือบตลอดเวลา เรื่องนโยบายต่างๆนี่แทบจะไม่ได้ยินเลย อย่างว่าที่ประธานาธิบดี โรดริโก้ ดูเตอร์เต้ นี่เขาก็สร้างภาพลักษณ์ให้เป็นเหมือน คลิ้นท์ อิสวู้ดส์ ในหนังมือปราบปืนโหด เพราะผลงานหลักของ เขาตลอด 20 ปีเศษของการเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวาก็คือการใช้ศาลเตี้ยฆ่าคนที่ “เขาเชื่อว่า” เป็นคนเลวก่ออาชญา กรรมและค้ายาเสพติดไปเป็น 1,000 ราย เวลาขึ้นเวทีดูเตอร์เต้จึงเน้นการฆ่าคนโกงคนเลว ในการโต้วาทีระดับชาติครั้งหนึ่ง เมื่อถูกถามว่าถ้าลูกชายของเขามีส่วนพัวพันในการค้ายาเสพติด เขาจะแก้ปัญหานี้อย่างไร? ดูเตอร์เต้ตอบแบบเรียกเสียงปรบมือถูกใจคนฟังลั่นหอประชุมว่า “ผมก็จะฆ่าลูกชายผมทิ้ง” ดราม่าดีมั้ยครับ

ดราม่าที่สี่ การเมืองเป็นเรื่องของความมันส์ ใครพูดมันกว่ากัน จะพูดผิดพูดถูกไม่รู้เมื่อรักแล้วพูดจาผิดพลาดอย่างไรก็จะรัก อย่างเช่นดูเตอร์เต้พอความนิยมติดลมบน คู่แข่งเอาคลิปเก่าๆที่เขาพูดจาแย่ๆแบบไม่น่าให้อภัยออกมาแฉ คนฟิลิปปินส์ก็ยังรักเขาเช่นเดิม เช่นมีกรณีที่มิสชันนารีหญิงชาวออสเตรเลียโดนข่มขืนและฆ่าปิดปากตอนที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี เมื่อเขาเห็นภาพหญิงผู้เคราะห์ร้ายที่มีหน้าตาสะสวย ดูเตอร์เต้พูดต่อหน้าสื่อมวลชนว่า “โอ้โหสวยนะ เสียดายของ ผมเป็นนายกเทศมนตรี ผมควรจะได้ผู้หญิงคนนี้ก่อน ไม่น่าเลย” เมื่อโดนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ วิจารณ์เรื่องนี้ว่าดูเตอร์เต้ไม่น่าจะพูดแบบนั้นเขาก็ตอกกลับทันทีว่า “หุบปาก”  หรือเมื่อครั้งสมเด็จพระสันตปาปาเสด็จกรุงมะนิลา การจราจรที่ติดขัดมากอยู่แล้วก็เลยกลายเป็นวิกฤติ ดูเตอร์เต้ซึ่งติดอยู่บนถนน 5  ชั่วโมงกว่าเมื่อรู้ว่าการเสด็จของพระองค์ท่านเป็นสาเหตุของรถติดมโหฬารครั้งนั้น เขาถึงกับไล่ให้พระสันตะปาปากลับโดยใช้ถ้อยคำที่ “แย่มากๆ” แต่คนฟิลิปปินส์ซึ่งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนคาทอลิกก็ยังตัดสินใจจะเลือกดูเตอร์เต้โดยไม่สนใจว่าเขาจะ “หยาบคาย” ต่อพระสันตะปาปาอย่างไร ดราม่าสุดๆ

ดราม่าที่ห้า ก่อนไปสังเกตการณ์เลือกตั้งในฟิลิปปินส์ ผมมีความคาใจอยู่ว่าทำไมคนฟิลิปปินส์จึงหลงไหลคลั่งไคล้ เฟอร์ดินานด์มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง ลูกชายอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสที่โกงจนประเทศล่มจม จากดาวรุ่งของเอเชียกลายเป็นคนป่วยของเอเชีย เมื่อสอบถามคนหนุ่มๆสาวๆที่มีอาชีพการงานที่ดีก็ได้คำตอบว่าที่เขาจะเลือกบองบอง เพราะคิดว่าบองบองมีเสน่ห์และน่าจะบริหารประเทศในตำแหน่งรองประธานาธิบดีได้เก่งเหมือนพ่อ ผมถามลึกลงไปต่อ ว่ารู้หรือไม่ว่าผู้พ่อทำอะไรกับประเทศไว้บ้าง คำตอบคือไม่รู้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะในหนังสือเรียนของพวกเขาไม่ได้เขียน เอาไว้ว่ามาร์กอสผู้พ่อทำอะไรไว้กับประเทศบ้าง ดราม่ามั้ยครับ? ปล.เราต้องรีบไปดูแบบเรียนของไทยกันบ้างแล้วนะครับ

[smartslider3 slider="9"]