Amazing AEC – อ่านช่วยชาติ

0
529

เริ่มมาได้ 2 วันแล้วสำหรับเทศกาลช้อปช่วยชาติของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้คนซื้อหนังสือทั้งแบบเป็นเล่มๆและ e-book ยางรถยนต์ และสินค้าโอท็อป ให้สามารถนำใบเสร็จมาหักภาษีเงินได้ในวงเงิน 15,000 บาทในช่วง 2 ปีภาษีคือของปีภาษี 2561 และปีภาษี 2562
.
นับเป็นข่าวดีของคนรักการอ่าน คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการให้ลูกรักอ่านหนังสือให้มากขึ้น และวงการหนังสือซึ่งไม่เคยได้รับ การสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านการส่งเสริมการอ่านของคนไทยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที
.
สิงคโปร์ชาติเป็นที่เก่งที่สุดชาติหนึ่งในโลก เพราะคนของเขามีคุณภาพสูงมีศักยภาพสูงมาก สามารถแข่งกับคนชาติใดก็ได้ ในโลกนี้ก็เพราะระบบการศึกษาเขาดีติดอันดับโลกและคนสิงคโปร์รักการอ่านซึ่งเกิดขึ้นได้ก็เพราะรัฐบาลของเขาส่ง เสริมอย่างจริงจัง การที่รัฐบาลไทยได้เลือกเอาหนังสือให้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการช้อปช่วยชาติจึงเป็นการมาถูกทางแล้ว แม้จะเป็นการเริ่มต้นเพียงก้าวเล็กๆก็ตาม
.
การอ่านเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ของมนุษย์ การส่งเสริมให้คนรักการอ่านโดยเฉพาะการอ่านแบบจับใจความให้ได้นั้น จะทำให้คนของประเทศสามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่สลับซับซ้อนได้ง่ายและดียิ่งขึ้น สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นความสามารถที่สำคัญและจำเป็นของคนในโลกยุคสมัยใหม่ การปฏิรูปการอ่านของคนไทยจึงเป็นก้าว แรกที่เราจะต้องทำให้สำเร็จเสียก่อนที่จะก้าวไปปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปเศรษฐกิจและปฏิรูปประเทศในท้ายที่สุด
.
PISA (Programme for INternatioanl Student Assessment) ซึ่งวัดความสามารถของเด็กทั่วโลกว่าเก่งมากหรือน้อยแค่ไหน จึงเลือกทดสอบเด็กในด้านการอ่านเพื่อการทำความเข้าใจเป็นหนึ่งในสามการทดสอบร่วมกับคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์เพราะ PISA บอกว่าสามวิชานี้เป็นสามวิชาที่จำเป็นสำหรับเด็กในการที่จะอยู่ให้รอดและประสบความสำเร็จ ในโลกอนาคต
.
คะแนนการอ่านเพื่อทำความเข้าใจของเด็กไทยโดยการวัดของ PISA ในปีล่าสุดที่มีการวัดคือปีพ.ศ. 2558 นั้นได้เพียง 409 คะแนนลดลงจากปีพ.ศ. 2555 ซึ่งเคยได้ 441 คะแนน ขณะที่เด็กสิงคโปร์ซึ่งเป็นเด็กที่เก่งที่สุดในโลกโดยการวัดของ PISA นั้นได้คะแนนการอ่าน 535 คะแนน และเด็กเวียดนามซึ่งเก่งเป็นที่ 8 ของโลกได้คะแนนการอ่าน 487 คะแนน คะแนน เฉลี่ยการอ่านของเด็กในองค์กรระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง OECD คือ 493 คะแนน คงเห็นได้ ชัดเจนแล้วว่าจำเป็นขนาดไหนที่รัฐบาลไทยจะต้องเร่งส่งเสริมการอ่านให้กับเด็กไทย
.
งบประมาณหอสมุดแห่งชาติของไทยของปีพ.ศ. 2556 ล่าสุดเท่าที่มีข้อมูลจากวิกิพีเดีย คือ 86.8 ล้านบาท มีหนังสือ 3.2 ล้านเล่มและมีบุคคลากร 197 คน ขณะที่งบประมาณของหอสมุดแห่งชาติของสิงคโปร์ของปี 2553 นั้นสูงถึง 182 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ถ้าเอา 24 บาทคูณก็จะคิดเป็นเงินไทยได้ 4,368 ล้านบาทมากกว่างบประมาณของไทย 50 เท่า เป็นอีกตัวสะท้อนว่าสิงคโปร์ส่งเสริมการอ่านมากกว่าไทยเรามากขนาดไหน
.
เมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ของหอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์ก็จะพบสถิติที่น่าสนใจของปีพ.ศ. 2560 ว่าจำนวนสมาชิกของหอสมุด แห่งชาติของเขามี 2.4 ล้านคน มีหนังสือ นิตยสาร หนังสือภาพและเสียงรวม 7.5 ล้านเล่ม e-book 7 แสนเล่ม มีคนเข้าห้อง สมุด 26 ล้านคน มีคนเข้าไปดาว์นโหลดเว็บไซต์ สมัครเป็นสมาชิกเพื่อค้นหาข้อมูล 78.7 ล้านครั้งและมีการยืมหนังสือทั้ง ที่เป็นหนังสือเล่มและ e-book 30.9 ล้านเล่ม
.
สถิติของสิงคโปร์นั้นดูน่าอะเมซิ่งมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศเขาซึ่งมีเพียง 5.64 ล้านคน นั่นหมายความว่าคนของเขายืมหนังสือจากห้องสมุดแห่งชาติเกือบ 6 เล่มต่อคนต่อปี ไม่รวมกับหนังสือที่ซื้อเองอีกไม่รู้กี่ เล่มต่อปี หากไทยเราอยากปฏิรูปประเทศสำเร็จก็ต้องเริ่มจากการปฏิรูปการอ่านให้สำเร็จเสียก่อน

[smartslider3 slider="9"]