อาทิตย์ก่อนหน้านี้ผมเขียนถึงการฟื้นฟูแจแปนแอร์ไลน์ของนายอินาโมริ คาซึโอะ ว่าถ้าหากการบินไทยจะแนวทางดังกล่าวมาใช้ก็จะต้องระวัง 8 จุดอันตรายคือ หนึ่ง “ผู้นำสำคัญสุด” สอง “คนสำคัญคือคนการบินไทย” สาม “มีค่านิยมที่ถูกต้อง” สี่ “ใช้อะมีบาควบคุมค่าใช้จ่าย” ห้า “บริการต้องดีที่สุด” วันนี้ขอเขียนต่อถึงจุดอันตรายที่เหลือ
หก “เพิ่มรายได้ไม่ทำแค่ปาก” ประโยคสำเร็จรูปของการฟื้นฟูกิจการทั้งหลายรวมถึงสายการบินที่ผู้เข้ามาฟื้นฟูนิยมพูดเมื่อตอนเข้ามานั้นก็คือจะฟื้นฟูด้วยการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย อาทิตย์ที่แล้วผมแนะนำให้ใช้ “ระบบอะมีบา” เพื่อมาควบคุมและลดค่าใช้จ่าย ในการเพิ่มรายได้ก็เช่นกัน เมื่อนำอะมีบามาใช้การบินไทยก็จะเห็นว่าหน่วยงานไหนมีรายได้เท่าไหร่? คุ้มต้นทุนการบริหารจัดการหรือไม่? เมื่อเอาอะมีบามาใช้การบินไทยจะได้รู้เสียทีว่าการขายตั๋วผ่านเอเย่นต์ที่หลายฝ่ายแคลงใจว่าการบินไทยเสียประโยชน์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงข้อสงสัยที่ไม่มีมูล การลงทุนขายตั๋วออนไลน์ด้วยตนเองนั้นจะคุ้มค่ามากกว่าและดีกว่าสำหรับการบินไทยหรือไม่?
การที่จะขายตั๋วได้ราคาดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่า “ตำแหน่งทางการแข่งขัน” ของการบินไทยอยู่ตรงไหนของตลาดการบิน สินค้าหรือบริการที่ไม่มีตำแหน่งที่ชัดเจนในใจผู้บริโภคมักจะต้องจบลงด้วยการแข่งกันลดราคาจนกลายเป็นสงครามราคาและเจ๊งกันในที่สุด การบินไทยนั้นเคยเป็นสายการบินที่มีการบริการดีเป็นอันดับต้นๆของโลกและเคยขายตั๋วได้ราคาดี แต่เมื่อมีปัญหาการบริหาร การซื้อฝูงบิน การรับบุคลากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้บริการจนตำแหน่งในใจของผู้บริโภคที่การบินไทยเคยอยู่อันดับต้นๆก็ร่วงหล่นออกไปจากสายการบินในดวงใจของผู้บริโภค จนต้องใช้วิธีลดราคาเข้าสู้เพื่อดึงดูดผู้โดยสารให้ซื้อตั๋วทำให้ขายตั๋วไม่ได้ราคา
สายการบินแจแปนแอร์ไลน์เมื่อตอนฟื้นฟูเมื่อทำตามขั้นตอนทั้งห้าสำเร็จ การให้บริการก็ดีขึ้นผิดหูผิดตาจนเป็นที่ประทับใจในบรรดานักเดินทาง จนคนหันกลับมาใช้บริการกันอย่างมากและฟื้นฟูได้สำเร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
เจ็ด “คอรัปชั่นต้องฟันไม่เลี้ยง” ข่าวลือเรื่องการคอรัปชั่นในหลายๆส่วน อาทิฝ่ายบริหาร ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายช่างฯ นั้นเป็นข่าวที่คนไทยได้ยินมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เคยเห็นมีการจับคนโกงตัวโตๆในการบินไทยได้สักที โดยเฉพาะการจัดซื้อฝูงบินที่หลากหลายซึ่งไม่ว่าใครเข้ามาบริหารก็มักจะมีนโยบายจัดซื้อฝูงบินจนการบินไทยมีฝูงบินที่หลากหลายจนน่าตกใจ สายการบินที่มีกำไรนั้นการควบคุมการจัดซื้อฝูงบินเป็นหัวใจสำคัญอีกดวงหนึ่งในการสร้างกำไร
เมื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู จึงเป็นโอกาสดีที่การบินไทยจะได้รื้อสัญญาต่างๆ อาทิ การซื้อเครื่อง การซ่อมเครื่อง สัญญาการขายตั๋วและการให้บริการต่างๆ ควรจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นและโปร่งใส ใครคอรัปชั่นเอาไว้จะต้องถูกฟันแบบไม่เลี้ยง ในทุกองค์กรล้วนแต่มีคนดีทำงานอยู่ การบินไทยก็เช่นเดียวกัน และคนดีเหล่านั้นต่างมีโอกาสรู้ว่าการคอรัปชั่นเกิดขึ้นตรงจุดไหนบ้าง แต่คนดีเหล่านั้นจะไม่อยากจะออกมาเปิดเผยข้อมูลการคอรัปชั่นตราบใดที่คนโกงยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในบริษัทไม่โดนลงโทษ เพราะคนดีเหล่านั้นก็ต้องเกรงกลัวว่าคนโกงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนมีตำแหน่งใหญ่โตหรือไม่ก็เป็นเด็กเส้นใหญ่จะหวนกลับมาเล่นงานพวกเขา หากพวกนั้นรู้ว่าคนดีเป็นคนเปิดเผยข้อมูล
สัญญาต่างๆในธุรกิจการบินนั้น มักจะเขียนซ่อนการโกงไว้อย่างซับซ้อนซ่อนเงื่อน ดังนั้นทีมฟื้นฟูควรจะต้องมีทีมงานที่อ่านสัญญาเหล่านี้เป็น และมือสะอาดเชื่อใจได้เอามาไว้ข้างตัวให้ช่วยรื้อสัญญาต่างๆ เพื่อไล่จับคนโกงมาลงโทษให้จงได้ แม้จะทำตามข้อหนึ่งถึงข้อหกได้สำเร็จ แต่หากการคอรัปชั่นยังคงอยู่ การฟื้นฟูการบินไทยก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แปด “คมนาคมกับคลังต้องวางมือ” กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่การบินไทย กระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องคมนาคม ทั้งสองกระทรวงต่างถือว่าการบินไทยเป็นหน่วยงานที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร การแย่งตำแหน่งประธาน ตำแหน่งกรรมการ และแย่งกันส่งคนของตัวเองมาเป็น DD กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ แม้จะเป็นบริษัทมหาชนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่การบริหารที่ผ่านมายังดูเหมือนเป็นรัฐวิสาหกิจที่ทั้งสองกระทรวงยังสามารถแทรกแซงการบริหารได้มากจนดูไม่เหมือนบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งสองกระทรวงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าที่การบินไทยล้มเหลวเช่นทุกวันนี้นั้นสาเหตุสำคัญก็มาจากการบริหารของสองกระทรวงนั่นเอง
การเขียนแผนฟื้นฟูซึ่งสาระสำคัญจะเป็นเรื่องของการแฮร์คัทหนี้จำนวนมากเพื่อให้การบินไทยบินต่อได้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่แผนธุรกิจซึ่งต้องเขียนต่อจากนั้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ต้องใช้มืออาชีพในการบริหารธุรกิจตัวจริงมากำกับการเขียน และจุดสำคัญที่สุดก็คือกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมต้องวางมืออย่างเด็ดขาด อย่ามายุ่งกับแผนธุรกิจของการบินไทยโดยเด็ดขาด การฟื้นฟูการบินไทยจึงจะสำเร็จ