เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางไปโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามอีกครั้งกับสำนักงานส่งเสริม การจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือที่คนทั่วไปชอบเรียกว่า TCEB เพื่อไปจัดงาน Thailand MICE Roadshow Vietnam 2017 เพื่อสร้างเครือข่ายและความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการ MICE ในเวียดนาม หลังจากที่ปีนี้ ได้ไปจัดงานแบบนี้มาเรียบร้อยแล้วในเมียนมาและกัมพูชา
คุณภูริพันธ์ บุนนาค ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศของทีเส็บซึ่งรับผิดชอบงานในตลาด CLMV คือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนามด้วยนั้นได้เล่าให้ผมฟังว่าการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการสานต่อเครือข่ายของ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม MICE ของทั้งไทยและเวียดนามหลังจากที่เคยจัดงานแบบนี้ในเวียดนามมาแล้ว และยังเป็น การสร้างความเชื่อมโยง และเตรียมความพร้อมให้กับอุตสาหกรรม MICE ในกลุ่มภูมิภาค CLMV กับประเทศไทย และใน อนาคต ทีเส็บยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือเช่นนี้ไปสู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ Greater Mekong Subregion (GMS) ซึ่งรวมจีนตอนใต้เข้ามาด้วย ในปีหน้า 2561
คุณภูริพันธ์บอกว่าในระยะหลังมานี้เวียดนามนั้นเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วยิ่งเพราะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 ที่ผ่านไปนั้น เศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัวสูงถึง 6.2% นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์มากขึ้นเรื่อยๆโดยได้มีการวางแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และได้รวมเอาอุตสาหกรรมไมซ์ลงไปในแผนดังกล่าวด้วย ซึ่งจากศักยภาพของไทยและ เวียดนาม ทำให้คุณภูริพันธ์มั่นใจว่าการจัดกิจกรรม Roadshow ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยส่งเสริมการรุกตลาดไมซ์ของ ไทยไปยังเวียดนามแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ของเวียดนามและ ประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้มีความพร้อมในการเชื่อมโยงสู่ตลาด GMS ในอนาคต ทั้งนี้ ในปี 2559 มีนักเดินทางไมซ์ของเวียดนามเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 20,969 คน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยเป็นจำนวน 1,819 ล้านบาท
ในงาน Thailand MICE Roadshow Vietnam 2017 ครั้งนี้นั้นมีการจัดเวทีเพื่อรับฟังข้อมูลและนโยบาย พร้อมทั้งการแลก เปลี่ยนประสบการณ์ ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ของอุตสาหกรรมไมซ์ ของภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังได้จัดเวทีจับคู่ทางธุรกิจหรือที่เรียกว่า Table Top Session โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจไมซ์จากประเทศไทย เข้าร่วมนำเสนอสินค้าและบริการและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับการจัดประชุมสัมมนาและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และมีภาคธุรกิจของเวียดนามสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก
คุณภูริพันธ์เล่าให้ผมฟังต่อว่านับวันอุตสาหกรรมไมซ์จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยและประเทศในอาเซียน เพราะปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไมซ์จากทั่วโลกเดินทางเข้ามาจัดการประชุม ศึกษาดูงาน รวมทั้งมาท่องเที่ยว เพื่อเป็นรางวัลในภูมิภาคนี้มากขึ้นทุกปี และที่รัฐบาลไทยตั้งทีเส็บขึ้นมาก็เพราะทราบดีว่านักท่องเที่ยวไมซ์นั้นมีการใช้จ่าย มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 3.5 เท่า ปีที่แล้ว 2559 นักท่องเที่ยวไมซ์สร้างรายได้ให้ประเทศไทยราวๆ 100,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
เนื่องจากปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้ง อาเซียนจึงได้จัดทำแคมเปญ VisitASEAN@50 ขึ้นโดยตั้งเป้าจะดึงดูด นักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเที่ยวอาเซียนให้ได้ 121 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ย่อมจะมีนักท่องเที่ยวไมซ์รวมอยู่ด้วย ดังนั้นถ้า หากประเทศไทยจับมือกับ GMS ให้แน่นร่วมมือกันให้มากขึ้น รายได้ของอุตสาหกรรมไมซ์ก็จะเติบโตขึ้นเป็นกอบเป็นกำ สำหรับทุกประเทศ คุณภูริพันธ์ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจ