ทุกวันพฤหัสที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนนั้น ฝรั่งเขากำหนดให้เป็น “วันขอบคุณพระเจ้า” หรือ Thanksgiving day ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2495 เพราะผู้อพยพที่มาตั้งรกรากในสหรัฐทำการเพาะปลูกและได้ผลผลิตออกมาอุดมสมบูรณ์ก็เลยจัดพิธีขอบคุณพระเจ้ากันขึ้น สุดท้ายก็กลายเป็นประเพณีสืบเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน
จากวันขอบคุณพระเจ้าไปจนถึงวันคริสมาสต์และวันปีใหม่ เป็นช่วงที่ผู้คนอยู่ในอารมณ์วันหยุดและอารมณ์อยากช้อปปิ้งทั้งเพื่อตัวเอง ครอบครัวและญาติมิตร ภาคธุรกิจในสหรัฐก็เลยสนองด้วยการกระตุ้นต่อมอยากซื้อด้วยการเริ่มต้นเทศกาลลดราคากันตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้า ยาวไปจนถึงปีใหม่ และถือว่าเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่คึกคักที่สุดในรอบปี และเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ก่อนที่จะโดนเทศกาลวันคนโสดของจีนแซงหน้าไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้
วันพฤหัสเป็นวันขอบคุณพระเจ้า มีวันศุกร์มาคั่นอยู่หนึ่งวันก่อนจะถึงวันเสาร์อาทิตย์ ภาคธุรกิจก็เลยตั้งชื่อวันศุกร์นี้ว่า แบล็คฟรายเดย์ ซึ่งเป็นคนละความหมายกับ “#แบล็คมันเดย์” ซึ่งหมายถึงวันจันทร์ที่มืดมนเพราะหุ้นตกกันแบบฟ้าถล่ม ดินทลาย แต่แบล็คฟรายเดย์นี่หมายถึงวันศุกร์ ที่มีการเทศกาลลดราคา ธุรกิจสามารถขายของได้เยอะ ไม่ขาดทุน บัญชีไม่ติดตัวแดงคือติดลบหรือขาดทุน แต่ตัวเลขจะเป็นสีดำคือมีธุรกิจมีกำไร จากฟรายเดย์ธรรมดาๆจึงกลายเป็นแบล็คฟรายเดย์ วันศุกร์ (ที่ตัวเลขในบัญชี) สีดำ
ต่อมาเมื่อการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น ในปีพ.ศ. 2548 ภาคธุรกิจสหรัฐก็เลยร่วมกันกระตุ้นการขายออนไลน์ด้วยการกำหนดวันจันทร์แรกที่ตามมาหลังวันขอบคุณพระเจ้าและแบล็คฟรายเดย์ให้เป็น “#ไซเบอร์มันเดย์” และร่วมกันลดราคาแบบสุดทางการสั่งซื้อออนไลน์ ยอดขายของไซเบอร์มันเดย์ตอนเริ่มแรกและยังไม่มีเทศกาลวันคนโสดของอาลีบาบา มาเปรียบเทียบนั้นต้องถือว่าเป็นความสำเร็จ ที่ยิ่งใหญ่ของการขายของ ออนไลน์เพราะยอดขายสูงเป็นหมื่นๆล้านบาท ภายในวันเดียว
ยอดขายจากวันขอบคุณพระเจ้า ยาวไปจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ของปีพ.ศ. 2562 มีมูลค่า 29,000 ล้านเหรียญหรือคิดเป็นเงินไทย 899,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์จากปีพ.ศ. 2561 ยอดขายดังกล่าวนี้คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมทั้งหมดในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปี แต่ยังตามหลังยอดขายในเทศกาลวันคนโสดของอาลีบาบาและ JD.com ของปีพ.ศ. 2563 ที่สูงถึง 3.55 ล้านล้านบาทอีกไกลทั้งๆที่ยอดนี้ยังไม่รวมยอดขายจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอื่นๆของจีนอีกหลายแสนล้านบาท
คงต้องมาจับตาดูว่ายอดขายจากวันขอบคุณพระเจ้า แบล็คฟรายเดย์เลยมาถึงไซเบอร์มันเดย์ ปีนี้ในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนหรือจะลดลง เพราะปีนี้นอกจากสหรัฐจะโดนพิษโควิด 19 ถล่มเสียอ่วม ยอดผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในสหรัฐของวันศุกร์เช้าที่เขียนบทความนี้อยู่ก็ทะลุ 13 ล้านคนไปแล้ว และมีผู้เสียชีวิตรวมใกล้ 270,000 รายเต็มทีแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังตกต่ำอย่างน่าตกใจ แถมการเมืองก็ยังวุ่นๆ
เลยไม่รู้ว่าคนสหรัฐจะมีกำลังซื้อและมีอารมณ์อยากช้อปกันมากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญไม่รู้ว่ามีคนอเมริกันที่แอบไปช้อปออนไลน์จาก อาลีบาบาและ JD.com ของจีน ในเทศกาลวันคนโสดที่ผ่านมาอีกมากแค่ไหน