มุมมองเกษมสันต์ ตอน ยอดขายเทศกาลวันหยุดในสหรัฐ

0
475

ยอดขายเทศกาลช็อปปิ้งในสหรัฐออกมาแล้วครับ เริ่มที่จำนวนนักช็อปที่ออกมาช็อปปิ้งกันตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้า วันพฤหัสบดีที่สี่ของเดือนพฤศจิกายน มาถึง แบล็คฟรายเดย์ ต่อด้วยวันเสาร์อาทิตย์ปิดท้ายด้วยไซเบอร์มันเดย์ รวม 5 วันนั้น คนอเมริกันช็อปปิ้งทั้งทางออนไลน์และออกไปช็อปปิ้งจริงๆตามร้านค้า รวมทั้งสิ้น 186 ล้านคน ลดลงจากปีที่แล้วที่ออกมาช็อปปิ้งกัน 190 ล้านคน

นักวิเคราะห์บางส่วนให้เหตุผลว่าเหตุที่คนอเมริกันออกมาช็อปปิ้งกันน้อยลงก็เพราะปีนี้ ภาคธุรกิจเขาเริ่มทำการลดราคากันมาล่วงหน้าตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้วทำให้นักช็อปกระจายตัวกัน และเริ่มช็อปกันมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ทำให้ตัวเลขใน 5 วันนี้ลดลง ขณะที่อีกส่วนหนึ่งวิเคราะห์ว่าเป็นปีนี้คนตกงานเยอะเพราะโควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลง คนตกงานมากขึ้นรายได้ลดลง จำนวนคนออกมาช็อปปิ้งก็เลยลดลง

ยอดขายในร้านในวันขอบคุณพระเจ้าปีนี้ ลดลง 55 เปอร์เซ็นต์ และลดลง 37 เปอร์เซ็นต์ในแบล็คฟรายเดย์ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับร้านค้าปลีกทั้งหลาย โดยเฉพาะร้านเล็กๆ เพราะจากสถิติยอดขายดูเหมือนว่าห้างใหญ่ๆ ยังพอเอาตัวรอดได้อยู่ แต่ร้านเล็กยอดขายตกลงอย่างน่าเป็นห่วง

ปีนี้ช่องว่างระหว่างร้านใหญ่ๆที่ขายดีกับร้านเล็กๆที่ขายไม่ดี จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ที่ขายดีก็ยิ่งขายดี ร้านเล็กๆที่ขายไม่ดีก็จะมีแต่ล้มหายตายจาก ร้านค้าที่เคยเป็นร้านยอดนิยม ที่คนอเมริกันชอบมาช็อปปิ้งในเทศกาลวันหยุด เช่นร้านขายเสื้อผ้า หรือมอลล์ทั้งหลายก็เริ่มเห็นสัญญาณอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่ยอดขายตามร้านจริงๆลดลง แต่ยอดขายออนไลน์ในแบล็คฟรายเดย์ปีนี้กลับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 22 เปอร์เซ็นต์ ยอดรวมอยู่ที่ 5,100 ล้านดอลลาร์หรือ 158,000 ล้านบาท แต่แนวโน้มซึ่งทั้งการซื้อในร้านและซื้อออนไลน์เกิดขึ้นเหมือนกันก็คือ คนอเมริกันใช้โทรศัพท์ มือถือเป็นเครื่องมือในการสั่งซื้อมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

40 เปอร์เซ็นต์ของการช็อปออนไลน์ คนอเมริกันจะช็อปผ่านโทรศัพท์มือถือ ขณะที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการ
ช็อปปิ้งตามร้านและห้างทั้งหลายของคนอเมริกันเปลี่ยนไป คือจะใช้วิธีโทรศัพท์ไปสั่งซื้อ แล้วขับรถไปรับของที่ลานจอดรถหรือข้างร้าน โดยไม่ต้องเข้าไปในร้านหรือห้างนั้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงกับการที่ต้องไปติดเชื้อโควิด-19 จากนักช็อปรายอื่นๆ

สินค้ายอดนิยมปีนี้ยังคงเป็นของเล่นต่างๆ จากสตาร์วอร์ส รถจำลอง เลโก้ เกมส์ต่างๆ อุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ของ ทั้งแอปเปิลและอเมซอน ทีวีของซัมซุง และที่เหมือนเมืองไทยคือ หม้อทอดไร้น้ำมัน แนวโน้มที่น่าสนใจที่เห็นได้ชัดมากในปีนี้ก็คือคนอเมริกันหันมาซื้อของสด อาหาร สแน็คส์เพื่อไปจัดปาร์ตี้ กันทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว

ในขณะที่ยอดขายของไซเบอร์มันเดย์ปี พ.ศ. 2563 นี้ก็เพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว ทำยอดรวมได้ที่ 10,800 ล้านดอลลาร์หรือราว 334,800 ล้านบาท แม้ว่ายอดจะไม่ถึง 393,700 ล้านบาทอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก็ตาม แต่ยอดขายล่าสุดนี้ก็ยังทำสถิติเป็นวันช็อปออนไลน์ที่มียอดสูงสุดในสหรัฐอยู่ดี

คาดว่าการช็อปออนไลน์ในช่วงวันหยุดยาว เริ่มตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าไปจนถึงวันปีใหม่ คนอเมริกันจะควักกระเป๋ากันรวม 184,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 5.7 ล้านล้านบาทสูงกว่าปีที่แล้วที่มีการช็อปออนไลน์กันที่ 4.4 ล้านล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นราว 30 เปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับที่อเมซอนเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซของสหรัฐซึ่งออกมาประกาศว่ายอดขายปีนี้ของเขาทำลายสถิติสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 26 ปีของบริษัทฯ แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขแต่ประการใด

สมาพันธ์ค้าปลีกของสหรัฐ คาดการณ์ว่ายอดขายรวมของร้านค้าในสหรัฐของเทศกาลวันหยุดซึ่งจะรวมเลยไปคริสต์มาสต์และปีใหม่ด้วยนั้น ปีนี้น่าจะเติบโตขึ้นในช่วง 3.6 เปอร์เซ็นต์ถึง 5.2 เปอร์เซ็นต์ ดีกว่าการเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 3.5 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดรวมการช็อปปิ้งน่าจะอยู่ราวๆ 23.4 ถึง 23.8 ล้านล้านบาท

[smartslider3 slider="9"]