กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ออกมาแถลงว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่ผ่านมาติดลบไป 6.1% เป็นหดตัวลงมากที่สุดในรอบ 22 ปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง สภาพัฒน์ฯ บอกว่าปัจจัยหลักเกิดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้การค้าโลกชะลอตัว การส่งออกไทยจึงติดลบมากถึง 6.6% การท่องเที่ยวก็ปรับตัวลดลง 36.6% ส่วนปี 2564 สภาพัฒนฯคาดว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้เต็มที่ 2.5-3.5% โดยขึ้นอยู่กับแนวโน้มของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก การใช้จ่ายภาครัฐ และการควบคุมการระบาดของโควิด-19
ฟังดูแล้วสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเราติดลบมากนั้นเกิดมาจากโควิด -19 ซึ่งทำให้การค้าของโลกซบเซา ผมเลยลองไปตรวจดูตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน AEC กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อจะดูว่ามันสอดคล้องกับที่สภาพัฒนฯแถลงหรือไม่?
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ไทยเรามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 6,884 คน เสียชีวิตรวม 61 ราย เศรษฐกิจไทย 2563 ติดลบ 6.1% ขณะที่อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อรวม 743,198 คน เสียชีวิตรวม 22,138 ราย แต่เศรษฐกิจติดลบเพียง 2.07% ส่วนมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรวม 110,485 คน เสียชีวิตรวม 471 รายเศรษฐกิจติดลบ 5.8% ทั้งสองประเทศนี้มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าไทยมากมาย แต่เศรษฐกิจกลับติดลบน้อยกว่าไทย เลยมีคำถามว่าทำไมโควิดส่งผลต่อเศรษฐกิจสองประเทศนี้น้อยกว่าไทย?
หากดูจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จนถึงล่าสุดคือวันที่ 4 มีนาคมนั้น ไทยมีผู้ติดเชื้อรวม 26,108 คน เสียชีวิตรวม 84 ราย เศรษฐกิจปี 2564 คาดว่าจะโตได้ในช่วง 2.5-3.5% ขณะที่อินโดนีเซียซึ่งมีผู้ติดเชื้อรวมทะลุหลักล้านไปอยู่ที่ 1,353,834 คน เสียชีวิตรวม 36,721 ราย ติดเชื้อมากกว่าไทยมากกว่า 50 เท่า แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในช่วง 4.5-5.5% เติบโตดีกว่าไทย ส่วนมาเลเซียที่ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรวม 305,880 คน เสียชีวิตรวม 1,148 รายก็คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในช่วง 6-7% เติบโตดีกว่าไทยเช่นกัน เลยมีคำถามอีกว่าทำไมปี 2564 เศรษฐกิจสองประเทศนี้ก็จะยังเติบโตได้ดีกว่าไทยอีกทั้งที่มีผู้ติดเชื้อโควิดมากกว่า?
พอไปดูข้อมูลของฟิลิปปินส์ซึ่งปี 2563 เศรษฐกิจติดลบมากที่สุดใน AEC คือติดลบถึง 9.5% นั้น ปี 2563 เขามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 474,055 คน เสียชีวิตรวม 9,244 ราย ถึงค่อยดูมีเหตุมีผลหน่อยว่าประเทศไหนมีคนติดโควิด-19 เยอะเศรษฐกิจประเทศนั้นก็จะติดลบเยอะ แต่พอดูจำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดจนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2564 ซึ่งฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อรวม 582,223 คนและเสียชีวิตรวม 12,389 รายมากกว่าไทยเยอะ เศรษฐกิจปี 2564 ฟิลิปปินส์ก็ควรจะแย่กว่าของไทย แต่กลับกลายเป็นว่าปี 2564 เศรษฐกิจของเขาจะกลับมาเติบโตได้สูงถึง 6.5-7.5% เติบโตดีกว่าไทยเกือบสองเท่า และจะเติบโตต่อเนื่องในช่วง 8-10% ได้อีกในปี 2565 เลยทำให้มีคำถามอีกว่า ทำไมโควิดส่งผลต่อเศรษฐกิจฟิลิปปินส์แค่ปีเดียว? หรือมันจะมีปัจจัยอื่นๆที่กระทบการเติบโตของเศรษฐกิจที่ฟิลิปปินส์ทำได้ดีกว่าไทยอีก?
หากไปดูประเทศพัฒนาแล้วเช่นสิงคโปร์ นั้นปี 2563 เขามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 58,599 คน เสียชีวิตรวม 29 ราย แม้ว่าคนสิงคโปร์จะติดโควิดมากกว่าคนไทยเกือบ 9 เท่า แต่เศรษฐกิจปี 2563 เขาติดลบที่ 5.4% น้อยกว่าไทย แต่พอถึงปี 2564 เศรษฐกิจสิงคโปร์จะพลิกกลับมาเติบโตได้ในช่วง 4-6% เติบโตได้มากกว่าไทยเสียอีก เกิดคำถามอีกเช่นเดิม
ย้อนกลับมาดูเวียดนาม ประเทศที่ผมเคยบอกไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้วว่าเขากำลังจะแซงประเทศไทย แต่ตอนนั้นคนยังไม่ค่อยเชื่อกันสักเท่าไหร่ ปี 2563 เขามีผู้ติดเชื้อรวม 1,465 คน เสียชีวิตรวม 35 ราย ติดเชื้อน้อยกว่าไทย ส่วนเศรษฐกิจปี 2563 นั้นเวียดนามยังเติบโตได้ที่ 2.9% เติบโตได้ดีที่สุดในเอเชีย แถมจะยังเติบโตต่อเนื่องได้ในช่วง 6-7% ในปี 2564 และ 2565 ตอนนี้หลายฝ่ายต่างคาดการณ์ตรงกันว่าในช่วง 30 ปีข้างหน้าจากนี้ไปเวียดนามจะเติบโตเฉลี่ยปีละราว 5-6% ขณะที่ไทยจะเติบโตเฉลี่ยปีละเพียง 3% จนทำให้เศรษฐกิจเวียดนามสามารถโตแซงไทยได้ในที่สุด
ขณะที่สภาพัฒน์ฯบอกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การค้าโลกชะลอตัว ปี2563 ไทยเราเลยส่งออกติดลบ 6.6% แต่เวียดนามซึ่งอยู่โลกเดียวกับไทยกลับส่งออกได้เพิ่มขึ้นถึง 7% จนทำให้มูลค่าการส่งออกของเวียดนามแซงขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกอันดับสองของ AEC ตามหลังอันดับหนึ่งสิงคโปร์ ที่มูลค่า 8.76 ล้านล้านบาท ขณะที่ไทยส่งออกได้ราว 7.03 ล้านล้านบาท ทำให้เกิดคำถามอีกครั้งว่าทำไมโควิดส่งผลร้ายกับการส่งออกไทยมากกว่าเวียดนาม?
ดังนั้นแทนที่จะโทษการค้าโลก หน่วยงานราชการของไทย เช่นสภาพัฒน์ฯ กระทรวงพาณิชย์ควรจะไปดูไส้ในของการส่งออกว่าสาเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้ไทยเราส่งออกลดลง มันเป็นแค่โควิดหรือมีเหตุผลอย่างอื่นอีก และสาเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้เวียดนามส่งออกได้เพิ่มขึ้น สินค้าอะไรที่เวียดนามเขามีส่งออกแต่ไทยไม่มี หรือสินค้าอะไรที่โลกเขาต้องการซื้อแต่เราไม่มีส่งออก ความจริงผมเคยเตือนกระทรวงพาณิชย์เรื่องนี้มาแล้วในการระดมสมองทูตพาณิชย์ไทยจากทั่วโลกเมื่อตอนมีทหารคสช..เป็นรัฐมนตรี วันนั้นทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการหลายคนพยายามจะเถียงผมเรื่องการส่งออกของไทย ซึ่งผมพูดชัดว่าอย่ามัวแต่หลอกตัวเองด้วยการโทษการค้าโลกกันอยู่เลย ขอให้ยอมรับความจริงกันเสียทีว่าเราส่งออกได้น้อยลงทุกปีเพราะความสามารถในการแข่งขันของไทยเราตกต่ำลงซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการที่ไทยไม่มียุทธศาสตร์
วันนี้คนที่เถียงผมวันนั้นก็กลายมาเป็นผู้บริหารใหญ่ ซึ่งต้องคอยแถลงตัวเลขส่งออกไทยว่าทำไมลดลงอยู่บ่อยๆ ผมยังจำได้ว่าผมเคยเตือนอะไรเอาไว้บ้าง แต่ไม่รู้ว่าท่านจะจำผมและจำสิ่งที่ผมเคยเตือนได้บ้างหรือเปล่า?