Home Mother & Care AEC HAPPY FAMILY AEC for Happy Family : จากนางสาวลาว 2016 ถึงภาษาลาว

AEC for Happy Family : จากนางสาวลาว 2016 ถึงภาษาลาว

0
571
[smartslider3 slider="7"]
AEC for Happy Family : จากนางสาวลาว 2016 ถึงภาษาลาว

AEC for Happy Family กับเกษมสันต์ / พฤศจิกายน 2559
จากนางสาวลาว 2016 ถึงภาษาลาว

เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ สปป.ลาวเขาเพิ่งจัดประกวดนางสาวลาว 2016 เสร็จไป โดย นางบุดสะบา แสงปัน อายุ 18 ปีหมายเลขประจำตัวคือ M19 เป็นผู้คว้ามงกุฎไปครองพร้อมกับอีกสองตำแหน่งคือขวัญใจช่างภาพ และ สาวมีสะเหน่ (ผมพยายามสะกดให้เป็นภาษาลาวมากที่สุดนะครับ) ได้รับรางวัลไปทั้งมงกุฎเพชร เงินสด รถยนต์และรางวัลอื่นๆรวมเป็นเงินกว่า 400 ล้านกีบหรือราวๆ 1,730,000 บาทครับ ส่วนคนที่ได้รองอันดับ 1 แถมควบตำแหน่งสาวมิดตะพาบ คือนางคิดสะไหม บุนตีวอละวง อายุ 20 ปี M20 รองอันดับ 2 คือนางพอนวิไล หลวงลาด อายุ 19 ปี M18 ซึ่งควบตำแหน่งสาวหน้าใสอีกด้วย ที่ผมเขียนถึงเรื่องนางสาวลาว 2016 ให้คุณแม่ คุณพ่ออ่านก็เพราะอยากให้ดูว่าสาวลาวนั้นงามขนาดไหนครับ
การประกวดนางงามใน สปป.ลาวเขาก็มีหลายเวทีนะครับ แต่เวทีนี้ถือเป็นเวทีใหญ่ที่สุด ซึ่งในการประกวดนั้น เขามีการใส่ชุดประจำชาติ และชุดราตรีเหมือนบ้านเราแต่เขาไม่นิยมใส่ชุดว่ายน้ำประกวดกันนะครับ บางเวทีใช้ชุดกีฬาสั้นแทน บางเวทีใช้เดรสสั้นแทน เพื่อรักษาประเพณีอันดีงามเอาไว้ ผู้เข้าประกวดส่วนใหญ่จะ อายุสิบปลายๆเสียส่วนใหญ่ เพราะสาวลาวนั้นถ้าอายุเกิน 25 ปีไปแล้วนี่เขาถือว่าเป็นคนอายุเยอะแล้วนะครับ ขนาดผู้จัดการกองประกวดคราวนี้ “น้องดา” ก็ยังเป็นสาวอายุแค่ 26 ปีเท่านั้นเอง พอผมถามเธอว่าทำไม ผู้จัดการกองประกวดนี่อายุน้อยจัง เธอตอบทันทีว่าไม่นะคะ อายุ 26 สำหรับสาวลาวนี่แก่มากเลยนะคะ ทีมงานผู้หญิงผมที่ไปด้วยกันที่มีอายุเกิน 30 ต้องเดินหนีเลยทีเดียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ผู้หญิงลาวนี่พอเกิดขึ้นมาก็มีคำนำหน้าว่า “นาง” เลยนะครับ ไม่มีเด็กหญิง นางสาวและนางเหมือนบ้านเรา แต่พอ ประกวดกลับมี “นางสาวลาว” แปลกดีครับ ส่วนผู้ชายเกิดมาก็เป็น “ท้าว” กันตลอดชีวิตเลย เพราะฉะนั้นเราจะ เห็นผู้เข้าประกวดใช้คำนำหน้าว่า “นาง” กันทุกคน ดังนั้นถ้าคุณแม่คุณพ่อพาลูกรักไปเที่ยว สปป.ลาว แล้วเจอคน ที่มีคำนำหน้าว่า “นาง” อย่าเพิ่งรีบไปทึกทักว่าเขาแต่งงานแล้วนะครับ อาจจะยังเป็นสาวโสดอยู่ก็ได้
สาวสปป.ลาวนิยมแต่งงานเร็วนะครับ พออายุถึง 16 ปีนี่ก็แต่งงานได้แล้ว แม้จะยังเรียนอยู่ก็แต่งงานได้ เป็นเรื่อง ปรกติที่นั่น พออายุเกิน 20 ปีแล้วยังไม่ได้แต่งงานนี่ถือว่าช้าแล้ว และถ้าเป็นสาวไม่ได้แต่งงานภาษาลาว เขาจะ เรียกว่า “สาวค้างบ้าน” ดูน่ารักกว่าคำว่า “ขึ้นคาน” ของบ้านเรานะครับ เวลาอยากจะชมสาวลาว ว่าสวยให้ชมว่า “งาม” นะครับ และถ้ามีคนสปป.ลาวมาชมคุณพ่อว่า “เจ้าชู้ผู้งาม” คุณแม่อย่าเพิ่งตกใจว่า คุณพ่อแอบไปทำเจ้าชู้ ตอนไหนนะครับ คำว่า “เจ้าชู้ผู้งามนี่แปลว่า “หล่อ” ครับ ถ้าจะบอกว่าคนนี้เจ้าชู้ตามความหมายของคนไทย เขาจะใช้คำว่า “คนมักเล่น” นะครับ ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลย
พูดถึงภาษาเพื่อนบ้านของไทยเรานี้ เพื่อนๆสื่อมวลชนในสปป.ลาวบอกกับผมว่า พวกเราสองประเทศเวลาคุยกัน นี่น่าจะแปลกที่สุดในโลก เพราะคนสปป.ลาวก็พูดภาษาลาวส่วนคนไทยก็พูดภาษาไทย ต่างคนต่างพูดภาษาของ ตัวเอง แต่เราทั้งสองชาติก็ยังสามารถเข้าใจกันได้แบบสบายๆโดยไม่ต้องใช้ล่ามแปล และที่ทำได้แบบนี้น่าจะมี แค่เราสองประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้นเอง แม้ว่าจะเข้าใจกันแต่ก็มีอยู่หลายคำที่เราเพื่อนบ้านสองประเทศพูดคุย กันแล้วอาจจะงงๆในความหมายอยู่บ้าง


คำในภาษาลาวส่วนมากจะเป็นคำที่ง่ายๆตรงไปตรงมา ไม่สลับซับซ้อน ฟังแล้วเข้าใจได้ทันที เช่นน้ำแข็ง เขาบอก “น้ำก้อน” ผงซักฟอก เขาก็เรียก “สบู่ฝุ่น” หรือหมวกกันน็อคเขาก็เรียก “หมวกกันกระทบ” ซึ่งคำนี้ผมชอบและ คิดว่าคำนี้เขาคิดได้ตรงความหมายกว่าคำไทย ก็หมวกนี้มีไว้กันกระทบจริงๆนี่ ใช่มั้ยครับ
แม้ว่าคำส่วนในภาษาลาวส่วนมากจะเป็นคำตรงไปตรงมาเช่นนั้น คุณแม่คุณพ่อฟังปุ๊บเข้าใจปั๊บ หรืออาจจะ พอเดาได้บ้าง แต่ก็ยังมีอยู่อีกหลายคำที่ความหมายนั้นไม่เหมือนคำในภาษาไทย แถมบางคำถ้าใช้แล้วอาจจะเกิด การหวาดเสียวกันได้ วันนี้เลยจะลองเอามาเขียนให้อ่านกันดูครับ
อย่างเช่นคำว่า “โอ้โลม” ซึ่งเป็นคำที่คนไทยเอามาใช้ในความหมายติดเรทอาร์ แต่คน สปป.ลาว เวลาเขาพูดว่า “ก่อนอื่นเรามาโอ้โลมกันก่อน” เขากำลังบอกว่า “ก่อนอื่นเรามาพูดคุยกันก่อน” เขาหมายถึงแค่นั้นจริงๆนะครับ คำว่า “โอ้โลม” นี้สามารถใช้ในการสัมภาษณ์ออกทีวีหรือใช้ในการเจรจาที่เป็นทางการได้เลย อย่าเพิ่งคิดเลยเถิด ไปว่าเขาชวนเราไป “โอ้โลม” ในความหมายแบบไทยๆนะครับ คำว่า “ขึ้นห้อง” ก็เช่นเดียวกัน คนไทยเราส่วน ใหญ่ใช้คำนี้เพื่อในความหมายที่ออกจะเซ็กส์ซี่ แต่คนสปป.ลาว เวลาเขาชวนเราขึ้นห้องนี่เขาหมายความแค่ว่า เขาจะชวนเราไปเข้าห้องประชุมหรือไปที่ห้องไหนๆ แค่นั้น ไม่ได้ชวนเราไป “ขึ้นห้อง” ทำอะไรต่อมิอะไร แบบที่คนไทยเราใช้เลยนะครับ
บางทีการออกเสียงที่ต่างกันก็ทำให้เราอาจจะเข้าใจผิดกันได้ อย่างน้องผู้หญิงในทีมงานของผมคนหนึ่ง พอเพื่อนสปป.ลาวรู้ว่าทำงานทีวีก็เลยถามว่า “น้องทำงานอยู่ที่ซ่องไหน?” โดนถามแบบนี้ก็ตกใจสิครับ เพราะน้องเขาไม่เข้าใจว่า “ซ่อง” ในภาษาลาวคือ “ช่อง” แต่ว่าไปแล้วคำว่า “ซ่อง” นี่คนไทยเราฝังหัวนะครับ แม้แต่ผมเองก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ทุกครั้ง เลยครับเวลาที่ต้องบอกเพื่อนสปป.ลาวว่า “ตอนนี้ผมทำอยู่หลายซ่อง” คำว่า “บ่อน” ก็เหมือนกัน ในภาษาไทยเราหมายถึง สถานที่สำหรับการเล่นพนัน แต่ในภาษาลาวเขาหมายความว่า “บริเวณ” เพราะฉะนั้นเวลาเขาชวนไป “บ่อน” คุณแม่คุณพ่อฟังให้ชัดๆก่อนจะ รีบปฏิเสธไปนะครับว่า “พวกเรา ไม่เล่นการพนัน” เดี๋ยวจะขำกันทั้งคณะ
คำที่คนไทยจะต้องระมัดระวังให้ดีคือคำว่า “ขายของ” นะครับ ห้ามเด็ดขาดห้ามถามสาวๆในสปป.ลาวว่าขายของ ที่ไหน ใครเผลอไปถามเข้าล่ะก็เป็นอันโกรธกันแน่ๆ เพราะคำว่า “ขายของ” ในสปป.ลาวเขาหมายถึงการ “ขายตัว” นะครับ ถ้าจะถามว่าเขาขายของ อยู่ที่ไหนในความหมายแบบไทยๆ ให้ใช้คำว่า “ขายเครื่อง” แทนนะ ครับ
อีกคำที่เวลาคุยกันแล้วคุณแม่คุณพ่อจะต้องงงมากๆคือคำว่า “แพ้” เพราะคำว่าแพ้ในภาษาลาวนั้นเขาแปลว่า “ชนะ” ในภาษาไทยครับ เช่นถ้าทีมฟุตบอลไทยไปแข่งกับทีมฟุตบอลเยอรมัน และถ้าทีมไทยยิงได้ 3 ประตูส่วนทีมเยอรมันยิงได้แค่ 1 ประตู อย่างนี้คนสปป.ลาวเขาบอกทีมชาติไทย “แพ้” นะครับ ซึ่งแปลว่าทีมไทยชนะในความหมายแบบไทย ส่วนทีมเยอรมันที่แพ้นั้นก็ต้องบอกว่าทีมเขา “ปราชัย” ครับ


ส่วนคำที่คุณพ่อจะต้องมีปัญหาแน่ๆถ้าพูดผิดก็คือคำว่า “แก้ว” ครับ โดยเฉพาะคุณพ่อที่ชอบดื่ม อย่าเผลอไปชวน เพื่อนสปป.ลาวหมดแก้วนะครับ เพราะคำว่า “แก้ว” ในภาษาลาวเขาแปลว่า “ขวด” ครับ ชนหมดแก้วก็คือชวน ให้ดื่มจนหมดขวดครับ ถ้าอยากจะชวนดื่มให้หมดแก้วคุณพ่อต้องชวนว่า “หมดจอก” แทนครับ แต่ถ้าหมดจอกบ่อยๆแล้วคุณแม่ตาเขียวใส่ ก็ตัวใครตัวมันนะครับ ผมไม่เกี่ยว

[smartslider3 slider="9"]

NO COMMENTS