AEC for Happy Family : Internet of Things (2)

0
437
AEC for Happy Family : Internet of Things (2)

AEC for Happy Family กับเกษมสันต์ ฉบับเดือนมิถุนายน 2559
ตอน Internet of Things (2)

เดือนที่แล้วผมบอกคุณแม่คุณพ่อว่ายุค Internet of Things ยุคที่อินเตอร์เน็ตจะเชื่อมโยงข้าวของเครื่องใช้รอบๆ ตัวเราเข้าด้วยกัน มันมาเร็วกว่าที่คิด เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมลูกรักให้โตมาพร้อมรับมือ Internet of Things ให้ทัน

เมื่ออินเตอร์เน็ตเชื่อมโยงชีวิตเรากับข้าวของรอบตัวมาขึ้น สิ่งที่เราได้แน่ๆ คือ “ความเร็ว” และ “ความง่าย” ของ การเข้าถึงข้อมูลเลยไปถึงการกระทำทุกอย่าง ลูกรักอยากจะหาข้อมูลอะไรก็ง่ายดาย รวดเร็วไปหมด ในทางกลับ กันข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวเราและลูกรักของเราคนอื่นเขาก็เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วเช่นกัน ประสบการณ์ของผม ในการทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ ผมพบว่าแม้ว่าอินเตอร์เน็ตจะทำให้ทีมงานผมเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายเท่าๆ กันแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะหาข้อมูลที่ดีได้เท่าๆ กัน

คนไหนที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบฝึกให้ถามคำถามเป็น ก็มักจะคีย์คำสำคัญๆที่ต้องการหาแล้วก็เชื่อในข้อมูลที่มัน ปรากฎมาในหน้าแรกๆ ซึ่งจะแตกต่างจากคนที่ถูกเลี้ยงมาแบบฝึกฝนให้ตั้งคำถามให้เป็น เพราะคนกลุ่มหลังนี้ เขาจะตั้งคำถามก่อนว่าเขากำลังจะหาข้อมูลอะไร อะไรคือหัวใจของเรื่องที่เขากำลังจะค้นหา เมื่อคิดถึงหัวใจของเรื่องได้ เขาก็จะได้คำที่สำคัญจริงๆ กับเรื่องนั้น และเมื่อเอาคำสำคัญจริงๆ อันนั้นไปสืบค้นข้อมูลที่เขาได้จึงเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ สำหรับเขาและทีม และผมมักจะพบว่าคุณค่าของข้อมูลของทีมผมคนที่ตั้งคำถามเป็นกับคนที่ตั้งคำถามไม่เป็นนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

ในอดีตลูกของครอบครัวที่มีฐานะดี มักจะได้เปรียบในการได้มาซึ่งข้อมูล ทำให้เขามีความได้เปรียบในชีวิต เริ่มตั้งแต่การสอบเข้าโรงเรียน มหาวิทยาลัยไปจนถึงการประกอบอาชีพ แต่ในปัจจุบันและในยุคของ Internet of Things ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วๆ เท่ากัน แต้มต่อหรือความได้เปรียบของลูกหลานของ ครอบครัวที่มีฐานะดีจะหมดไป ความได้เปรียบเสียบเปรียบจะย้ายไปอยู่ที่การตั้งคำถามให้เป็น ใครตั้งคำถามเป็น กว่าก็จะได้เปรียบมากกว่า

เรื่องการฝึกตั้งคำถามให้เป็นนี้คุณแม่คุณพ่อลองฝึกลูกรักดูนะครับ ผมทำเป็นประจำไม่ว่าจะทำอะไรกับลูกอยู่ก็ ตาม เช่นถ้าดูทีวีด้วยกันผมก็มักจะถามลูกว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ดูว่าอย่างไร และผมมักจะถามลูกต่อว่าดูแล้วอยากรู้ อะไร เพิ่มบ้างหรืออยากถามอะไรกับตัวการ์ตูนหรือพระเอกนางเอกในเรื่องที่เขาเพิ่งดูจบ เมื่อลูกถามออกมาผม ก็มักจะถามต่อว่าทำไมอยากรู้เรื่องนั้นล่ะเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกอธิบาย หัวใจคือต้องทำเรื่องฝึกคิดฝึกตั้งคำถามนี้ ให้เป็นเรื่องสนุกที่ลูกรักมีความสนุกที่อยากจะคิดและอยากจะตอบนะครับ อย่าไปทำให้เป็นเรื่องจริงจังเกินไป

ประสบการณ์การเลี้ยงลูกและการทำงานกับทีมบอกผมว่า มีแต่คนที่เข้าใจเนื้อหาในเรื่องนั้นๆ อย่างแท้จริงหรือคนที่มีความสนใจที่อยากจะรู้เรื่องนั้นจริงๆ เท่านั้นที่จะสามารถตั้งคำถามได้ดี คนที่ไม่เข้าใจเรื่องราวและไม่มีความอยากรู้จะตั้งคำถามได้ไม่ดี นั่นหมายความว่าคนที่ทำอะไรอย่างมีสมาธิ มีใจจดจ่อสนใจอยู่กับเรื่องที่ทำ จะเป็นคน ที่ตั้งคำถามได้ดี ซึ่งถ้าคุณแม่คุณพ่อเล่นกับลูกรักบ่อยๆในเรื่องการฝึกตั้งคำถาม นอกจากจะทำให้เรารู้ว่าลูกรัก สนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษแล้วยังเป็นการกระตุ้นให้ลูกรักมีสมาธิในเรื่องที่เขากำลังทำอยู่อีกด้วย เพราะเขาจะรู้ว่า เดี๋ยวคุณแม่คุณพ่อก็จะต้องถามเขาอะไรสักอย่างแน่ ต้องเตรียมตัว

การฝึกฝนลูกรักให้ตั้งคำถามนี่ไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะเวลาที่อยู่ในบ้านด้วยกันเท่านั้นนะครับ ผมว่าเวลาอยู่นอกบ้านตามที่ต่างๆ นั้นเป็นเวลาที่ฝึกลูกรักได้สนุกกว่ามากเพราะมีทางเลือกให้ถามเยอะ ยกตัวอย่างเช่น เวลาพาลูกรักไปร้านขนมหรืออาหาร คุณแม่คุณพ่อสามารถตั้งคำถามได้ตั้งแต่ว่าลูกรักรู้มั้ยว่าทำไมเขาถึงจัดโต๊ะ แบบนี้ ทำไมเขาเลือกจานชามสีนี้ ทำไมแก้วน้ำที่นี่เป็นแบบนี้ กระทั่งเวลาที่เขาเอาขนมหรืออาหารมาเสิร์ฟ ก็ยังถามเล่นๆกับลูกรักได้ว่ารู้มั้ยทำไมเขาเสิร์ฟแบบนี้ ทำไมเขาจัดอาหารหรือขนมมาแบบนี้

ผมเองเป็นคนชอบตั้งคำถามตลอดเวลาที่ไปไหนมาไหน เห็นใครทำอะไรก็มักจะถามตัวเองว่าทำไม เขาทำแบบ นั้น ทำไมเขาจัดของจัดโต๊ะแบบนั้น ถ้าเป็นผม ผมจะทำให้ดีกว่านั้นได้มั้ย ผมชอบถามและท้าทายตัวเองตลอด เวลา เวลาไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้าผมก็มักจะสังเกตผู้คนที่มาเดินแล้วก็ถามตัวเองว่า คนแบบไหนถึงจะมา เดินห้างแบบนี้ คนที่เข้าเดินมาด้วยกันเขามีความสัมพันธ์กันอย่างไร เขาถือถุงอะไร เขาซื้อของอะไรบ้าง ทำไม เมื่อมีลูกและเดินเล่นกับลูก ผมก็มักจะเอาคำถามเหล่านั้นมาถามเล่นกับลูกสนุกๆ เสมอๆ ทำบ่อยๆ เข้า นอกจาก จะทำให้ลูกรักตั้งคำถามเก่งมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ลูกรักกลายเป็นคนช่างสังเกตและช่างคิดคอยหาเหตุผล มาอธิบายเรื่องต่างๆ ที่เขาได้พบเห็นอีกด้วย

ในยุค Internet of Things ชีวิตลูกรักจะง่ายขึ้นเยอะ อยากจะทำอะไรก็จะง่ายขึ้น เช่นขับรถก็แทบจะไม่ต้องขับ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมให้ อยากไปไหนก็แค่กดปุ่มเลือกเดี๋ยวรถก็พาเราไปเอง อยากจะประดิษฐ์อะไร ทำในคอมพิวเตอร์แล้วก็สั่งพิมพ์ในเครื่องสามมิติพิมพ์ออกมาเอา อยากไปเที่ยวไหนก็แทบไม่ต้องไปจริงๆ แค่เปิดคอมพิวเตอร์ต่ออินเตอร์เน็ตใช้ VR (Virtual Reality) ดูเอาก็ได้ความรู้สึกสมจริงสมจังเสมือนได้เดินทาง ไปด้วยตัวเอง

แต่ในความที่ทำอะไรก็ได้ง่ายๆ และเร็ว โอกาสที่ลูกรักจะกลายเป็นคนที่ไม่มีสุนทรียะในการชื่นชมกับสิ่งต่างๆที่ อยู่รอบตัวก็จะมีมากขึ้น ดังนั้นเพื่อรับมือเรื่องนี้คุณแม่คุณพ่อควรจะฝึกลูกรักให้สามารถ ดึงจังหวะชีวิตของตัวเอง ให้ช้าลงเป็นเพื่อจะได้ไม่พรวดพราดๆไปกับยุค Internet of Things แต่ให้เป็นคนสนใจในรายละเอียดสภาพ แวดล้อมรอบๆ ตัวโดยเฉพาะธรรมชาติและศิลปะ

คุณแม่คุณพ่อควรจะฝึกลูกรักให้ชื่นชมกับความงามของธรรมชาติและความงามของศิลปะแขนงต่างๆ การพาลูกรักออกไปสัมผัสความงามจริงๆของธรรมชาติและความงามของศิลปะตามหอศิลป์ต่างๆนั้นช่วยได้เยอะมาก พาลูกรักไปเที่ยวใน AEC โดยเฉพาะประเทศรอบๆ บ้านเราก็มีธรรมชาติและศิลปะให้ ชื่นชมเยอะ ไปเมืองเล็กๆ อย่างฮอยอันในเวียดนาม น่ารักน่าหลงใหลกับการรักษาเมืองไว้ได้อย่างน่าชื่นชม หรือพาไปหลวงพระบาง สปป.ลาว ไปชื่นชมธรรมชาติและจังหวะชีวิตที่น่ารักของผู้คน หรือจะพาปีนัง มาเลเซีย เมืองลูกรักสามารถ ไปชื่นชมธรรมชาติและศิลปะได้เป็นอย่างดี

ถ้าสนใจศิลปะและมีโอกาสก็ลองพาลูกรักไปเที่ยวอินโดนีเซีย ไปเที่ยวโบสถ์คาทีดรอล เมอร์ซิแอสโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่เป็นที่สองของโลกเป็นรองเฉพาะมหาวิหารวาติกันเท่านั้น เพราะที่นั่นมีหอศิลปะซึ่งเขาไปก็อปปี้งานศิลปะระดับโลก ทั้งภาพเขียนและปฏิมากรรมมาไว้เต็มไปหมด โดยไม่ต้องเสียเงินเดินทางไปถึงยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา งานศิลปะแต่ละชิ้นที่นั่นดูงดงามและคล้ายคลึงของแท้มากสำหรับคนที่เริ่มชื่นชมงานศิลปะ ที่เขากล้าก็อปปี้ และเอามาจัดแสดงได้ก็เพราะงานศิลปะที่มีอายุเกินหนึ่งร้อยปีนั้นกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาสากลเขาอนุญาตให้ก็อปปี้ได้นะครับ เมื่อไหร่ที่ลูกรักชื่นชอบงานศิลปะขึ้นมาจริงๆ แล้วค่อยพาไปชมของแท้กันอีกที

ขนาดยังไม่ถึงยุค Internet of Things วันๆของลูกรักในหลายครอบครัวก็มัวแต่เล่นเกมส์ ในมือถือจนไม่มี กะจิต กะใจจะทำอย่างอื่น ถ้าคุณแม่คุณพ่อไม่เริ่มเตรียมลูกรักให้ดีให้พร้อมก่อนยุค Internet of Things มาถึง มันจะไม่ทันการณ์เอานะครับ

[smartslider3 slider="9"]