สุดสัปดาห์นี้เป็นสุดสัปดาห์ที่คนอเมริกันน่าจะมีความสุขมากที่สุด เพราะทุกวันพฤหัสที่สี่ของเดือนพฤศจิกายน ใน สหรัฐฯเขากำหนดให้เป็นวันขอบคุณพระเจ้าหรือ Thanksgiving Day ซึ่งเกิดขึ้นเพราะคนอังกฤษที่อพยพมาบุกเบิกสร้าง ดินแดนใหม่ในสหรัฐฯ นั้นเมื่อเริ่มตั้งตัวได้ ทำการเพาะปลูกได้ผลผลิตดี ทำให้มีชีวิตอยู่รอดก็ได้จัดให้มีพิธีขอบคุณพระเจ้า ซึ่งได้จัดต่อมาเรื่อยๆ จนประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์นได้ประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุดราชการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2406 จากนั้นเป็นต้นมาคนอเมริกันก็เฉลิมฉลองวันนี้ด้วยการใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว ทานไก่งวงด้วยกัน ส่วนคนแคนาดาก็มีวันขอบคุณพระเจ้าเหมือนกัน แต่จะฉลองกันในวันจันทร์ที่สองของเดือนตุลาคม ส่วนคนทางยุโรปหรือประเทศอื่นๆ นั้นไม่ได้ถือว่าวันนี้เป็นวันที่พิเศษที่ต้องฉลองแต่อย่างใด
ส่วนวันรุ่งขึ้นต่อจากวันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันแบล็คฟรายเดย์ (Black Friday) ซึ่งเป็นวันที่คนอเมริกันจะออกมาช้อปปิ้งกัน แบบถล่มทลายเนื่องจากร้านค้าทั้งหลายเขาก็จะนัดกันจัดโปรโมชั่นแบบจัดหนักจัดเต็มยั่วกิเลสกันแบบเต็มที่ เพราะใกล้ถึงวันคริสมาสต์ที่ผู้คนต้องหาซื้อของขวัญไปให้กันและกันอยู่แล้ว ธุรกิจก็เลยร่วมกันกระตุ้นให้คนรีบซื้อของตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนไปซะเลย
หลังจากจัดให้มีแบล็คฟรายเดย์แล้วได้ผล ธุรกิจออนไลน์ในสหรัฐก็ได้เริ่มจัดงาน ไซเบอร์มันเดย์ Cyber Monday ซึ่งบรรดาร้านค้าที่ขายของออนไลน์ก็จะรวมหัวกันลดราคาแบบไม่ซื้อไม่ได้แล้ว เพื่อไม่ให้เสียจังหวะหรืออารมณ์อยากช้อป ที่ถูกกระตุ้นมาจนได้ที่แล้ว ผมถึงบอกว่าสุดสัปดาห์นี้เลยไปถึงวันพรุ่งนี้คนอเมริกันน่าจะมีความสุขกันอย่างมากมาย
แต่วันที่ผมว่าเด็ดกว่าสามวันที่เขียนมาตอนต้นนั้นคือวันคนโสดในจีนซึ่งตรงกับวันที่ 11 เดือน 11 หรือพฤศจิกายนของ ทุกปีครับ วันคนโสดนั้นเกิดขึ้นแบบขำๆ เพราะบรรดาเด็กนักศึกษาในจีนนั้นเขานึกสนุก อยากจะหาวันเฉลิมฉลองให้กับคนโสดที่มักจะรู้สึกเป็นปมด้อยทุกปีเมื่อวันวาเลนไทน์มาถึงนักศึกษากลุ่มนี้ก็เลยไปเลือกเอาวันที่ 11 เดือน 11 ที่ดูตัวเลขของวันและเดือนแล้วเหมือนคนโดดเดี่ยวเดียวดายสี่คนยืนอยู่อย่างเหงาหงอยให้เป็นวันโสด โดยเขาเริ่มกันในปี พ.ศ.2533
ในช่วงปีแรกๆ ของการมีวันคนโสดนั้น บรรดาคนจีนที่ยังเป็นโสดต่างก็จะออกมาเที่ยวเล่นดูหนังฟังเพลง หรือทำอะไร ที่เป็นคนโสดอยากจะทำ และบางคนก็เริ่มออกมาช้อปปิ้งเพื่อหาความสุขให้ตัวเอง จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2552 ที่นาย แจ็คหม่า เจ้าของเว็บไซท์ช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังอาลีบาบา ได้ปิ๊งไอเดียจัดให้มีการลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ชนเว็บไซต์ของเขา โดยตอนเริ่มต้นใหม่ๆ ก็จะมีแต่ของจีนลดราคาเป็นส่วนมาก จนกระทั่งยอดขายออนไลน์ของอาลีบาบาบูมขึ้นมาอย่างน่าตกใจ บรรดาห้างร้านของประเทศตะวันตกไม่ว่าจะเป็นจากฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี หรือกระทั่งสหรัฐฯก็จะขอเข้ามาฝาก เว็บไซต์อาลีบาบาช่วยขายแบบถูกๆ ด้วย จากนั้นบรรดาเว็บไซต์ขายของออนไลน์อื่นๆ ของจีนต่างก็กระโดดเข้ามาร่วมวง ลดกระหน่ำเอาใจคนโสดกันอย่างสนุกสนาน
ด้วยจำนวนของคนจีนที่มีอย่างมากมายมหาศาล รวมถึงกำลังซื้อที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามพัฒนาการของเศรษฐกิจ จนปัจจุบัน แม้ประเทศจีนจะมีจีดีพีเล็กกว่าสหรัฐแต่เมื่อคำนวณเป็นกำลังซื้อจริงๆ แล้วนั้น จะพบว่าจีนเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดในโลกแซงหน้าสหรัฐไปเรียบร้อยแล้ว แซงกระทั่งสหภาพยุโรปทั้งสหภาพ เพราะฉะนั้นยอดขายออนไลน์ในวันคนโสดเพียงวันเดียวของเฉพาะอาลีบาบาของปีนี้ก็ทำลายสถิติต่อเนื่องอีกปี ด้วยยอดขายที่สูงถึง 630,000 ล้านบาท ทิ้งห่างยอดขายของแบล็คฟรายเดย์และไซเบอร์เดย์ที่รวมกันยังได้ไม่ถึง 300,000 ล้านบาทไปไกลทีเดียว ที่เขียนถึงเรื่องนี้เพราะอยากให้เห็นถึงภาพความยิ่งใหญ่ของอาเซียนบวก 6 ที่มีไทย อาเซียนและอีก 6 ประเทศคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอินเดีย รวมเป็นพันธมิตรกัน เหนือกว่า TPP ที่ทรัมป์ไม่เอาตั้งเยอะ
