Amazing AEC – ข้าวไทยกิโลกรัมละ 500 บาท

0
582

จำกันได้ไหมครับว่าเมื่อปีที่แล้วผมได้เขียนถึงครั้งที่ผมเดินทางลงไปบรรยายเรื่อง “รู้เขารู้เรา อยู่ได้ในยุทธจักรการค้าเสรี” ให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และศอบต. ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาส ปัตตานีและยะลานั้น ผมมีโอกาส ได้เจอกับ “ข้าวอินทรีย์หอมกระดังงา ชาวเขื่อนปัตตานี” วันนี้ผมขอเขียนถึงข้าวพิเศษพันธุ์นี้อีกครั้งหนึ่งนะครับ

ข้าวหอมกระดังงานั้นเป็นข้าวสายพันธุ์ท้องถิ่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี นราธิวาส เป็นข้าวไวแสง มีลักษณะเด่นที่มีความนุ่มและหอมเป็นพิเศษ เพื่อนเก่าสมัยเรียนอยู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย “ชิน” คุณชินวัฒน์ พรหมมาณพ ซึ่งลงไปทำงานเขื่อนที่ภาคใต้ยาวนานเกือบจะ 20 ปีแล้วได้ไปจับมือกับชาวนาที่ทำนาอยู่แถวนั้นให้เอาข้าวหอมกระดังงามาปลูกแบบอินทรีย์บนพื้นที่ท้ายเขื่อนในอำเภอหนองจิก ในโครงการแปลงเกษตรของกลุ่มบริหารการใช้น้ำ จ.ปัตตานี

นอกจากจะปลูกแบบอินทรีย์แล้ว ชินเพื่อนผมยังไปศึกษาเพิ่มเติมมาจนรู้ว่าเพลงคลาสสิกของโมสาร์ทนั้น หากเอามาเปิดให้ต้นข้าวฟังเสียงเพลงของโมสาร์ทนั้นจะเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างของข้าวทำให้ผลผลิตที่ได้มีความนิ่มนวลและกลิ่นที่หอมยิ่งขึ้น ชินก็เลยเปิดเพลงโมสาร์ทให้ต้นข้าวหอมกระดังงาฟัง หลังจากปลุกปล้ำประคบประหงมอยู่นานหลายปีเพื่อให้มั่นใจว่าข้าวที่ได้นั้นเป็นข้าวออร์แกนิกส์ 100 เปอร์เซ็นต์ และข้าวมีความนิ่มนวลชวนทานแถมมีกลิ่นหอมของดอกกระดังงา ที่เป็นเอกลักษณ์ที่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ก็เป็นช่วงที่ผมลงไปบรรยายที่ปัตตานีพอดี

Amazing AEC - ข้าวไทยกิโลกรัมละ 500 บาท

หลังจากฟังบรรยายเสร็จเพื่อนชินก็กลับไปบ้านเพื่อกลับไปหุงข้าวหอมกระดังงามาให้ผมได้ทดลองชิม ซึ่งก่อนจะได้ชิมนั้นผมยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวของข้าวพันธุ์นี้มาก่อนเลย พอตักข้าวใส่จานก็ต้องบอกเลยว่ากลิ่นหอมโชยขึ้นแตะจมูกทันที หอมเหมือนดอกกระดังงาจริงๆ สมชื่อเลย พอได้ตักเข้าปากและลองเคี้ยวดูผมพบว่าข้าวหอมกระดังงานี้นิ่มนวลและที่พิเศษคือหวานมากยิ่งเคี้ยวยิ่งหวาน ทานแล้วอร่อยมาก ส่วนกลิ่นนั้นยิ่งเคี้ยวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมของดอกกระดังงามากขึ้นเท่านั้น แม้จะกลืนลงคอไปแล้วก็ยังรู้สึกได้ว่ากลิ่นหอมของดอกกระดังงายังอวลอยู่ในปากอีกนาน ชิมไปชิมมาผมชิมเพลินจนกลายเป็นทานข้าวหอมกระดังงาเปล่าๆ จนหมดจานเลยทีเดียว เล่นเอาเพื่อนชินนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดีใจที่เพื่อนชอบทานข้าวที่เป็นเสมือนลูกรักของเขา ที่น่าแปลกก็คือแม้ข้าวนี้จะหอมหวานมากกว่าข้าวทั่วไปแต่มหาวิทยาลัยโยโกฮาม่าประเทศญี่ปุ่นซึ่งสนใจทำวิจัยคุณค่าของข้าวพันธุ์นี้กลับบอกว่าคนที่เป็นเบาหวาน ความดัน และโรคหัวใจควรจะทานข้าวพันธุ์นี้

ความจริงเพื่อนชินแค่อยากจะเอาข้าวหอมกระดังงามาให้ผมได้ลองทานเท่านั้น แต่พอผมสอบถามรายละเอียดการปลูกจึง ได้รู้ว่าข้าวหอมกระดังงานั้นไม่ได้ปลูกกันง่ายๆ ต้องการการดูแลมากและใช้เวลาในการเพาะปลูกนานกว่า 120 วันซึ่งนานกว่าข้าวโดยทั่วๆ ไป ยิ่งเพื่อนชินพยายามจะทำให้เป็นข้าวออร์แกนิกส์ 100 เปอร์เซ็นต์และพยายามที่จะทำให้ข้าวมีความนิ่มนวลและมีกลิ่นหอมดอกกระดังงามากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งทำให้การปลูก“ข้าวอินทรีย์หอมกระดังงา ชาวเขื่อนปัตตานี” ทำได้ยากมาก ถ้าปีนี้ไหนฝนฟ้าไม่เป็นใจชาวนาก็แทบจะไม่ได้ผลผลิตเลยทีเดียว ปีที่แล้วนั้นมีผลิตเพียง 2,000 กิโลกรัม ก็ว่าน้อยมากแล้ว ปีนี้ซึ่งอีกไม่เกินสองอาทิตย์จะเริ่มสีข้าวนี้ เพื่อนชินบอกกับผมว่าน่าจะมีข้าวอินทรีย์หอมกระดังงาชาวเขื่อน ปัตตานีไม่เกิน 900 กิโลกรัม

ปีหนึ่งๆ นั้นคนไทยและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยทานข้าวกันราวๆ 10 ล้านตันหรือคิดเป็น 10,000 ล้านกิโลกรัม เพราะฉะนั้นโอกาสของคนที่จะมีโอกาสทานข้าวอินทรีย์หอมกระดังงา ชาวเขื่อน ปัตตานีปีนี้จึงเท่ากับ 900 ใน 10,000,000,000 เท่านั้นเอง ยากยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 เสียอีก ผมจึงอาสาเพื่อนชินที่จะแนะนำข้าวนี้ให้คนไทยรู้จัก โดยจะขอประยุกต์เอาแนวทางที่ประเทศอื่นเขาสร้างราคาให้สินค้าเกษตรของเขาจนขายได้ราคาดีมาใช้ เพื่อจะได้ขายข้าว พิเศษล็อตนี้ที่ราคากิโลกรัมละ 500 บาท โดยกำไรที่ได้เพิ่มขึ้นมานี้จะกลับไปถึงมือชาวนาที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ปลูกข้าว อินทรีย์หอมกระดังงาชาวเขื่อนปัตตานีให้เราได้ทานกัน สนใจไปจองที่แฟนเพจ KasemsantAEC หรือโทรจองได้ที่คุณตุ๊ก 0870888508 หรือคุณกุ้ง 0813732854 เท่านั้นนะครับถึงจะเป็นของแท้ ทุกกิโลกรัมจะใส่กล่องสวยงามและมีหมายเลขระบุ ทุกกล่อง ป้องกันข้าวอื่นเลียนแบบ จะทานเองหรือจะนำไปให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือก็ดีเยี่ยมครับ

[smartslider3 slider="9"]