เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว คณะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติของไทยนำโดยคุณนาตยา เชษฐโชติรส รองประธานสภาการฯ คนที่ 1 และคุณบุญรัตน์ อภิชาตไตรสรณ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายกิจการระหว่างประเทศซึ่งผมเป็นอนุกรรมการอยู่ด้วย ได้ชวนผมไปอินโดนีเซียตามคำเชิญของสภาสื่อมวลชนอินโดนีเซีย ผมเลยจะขอเก็บตกการเดินทางครั้งนี้มาฝากกัน
พอไปถึงสนามบินซูการ์โน ฮัตตา เครื่องของเราลงที่เทอร์มินัล 3 ซึ่งกว้างขวางใหญ่โต ต้องเดินค่อนข้างไกลแต่เขาก็มี รถกอล์ฟวิ่งไปวิ่งมาเอาไว้บริการผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่สามารถเดินได้ไกลๆ มีป้ายติดไว้หน้ารถเลยว่ายินดีให้บริการ ผมว่า น่ารักและรอบคอบดี แถมตอนสร้างสนามบินเขาก็คิดเอาไว้ก่อนแล้วว่าต้องใช้รถกอล์ฟวิ่งบริการ ดังนั้นเขาจึงออกแบบ ทางเอาไว้กว้างขวางพอสำหรับคนเดินและรถกอล์ฟวิ่ง ไม่ต้องเบียดๆกันแบบสนามบินในเมืองไทย การตรวจคนเข้าเมือง ก็นำหน้าไทยเราไปตรงที่ไม่ต้องกรอกเอกสารอะไรเลย ยื่นแต่พาสปอร์ตอย่างเดียว แถมทำได้รวดเร็วน่าประทับใจ
พอพ้นสนามบินออกมา ก่อนจะไปผมก็หวั่นๆใจว่าคงจะต้องเจอกับรถติดแบบกรุงเทพแน่ๆ เพราะจาการ์ตา กรุงเทพและ มะนิลานี่เราผลัดกันเป็นแชมป์รถติดของโลก แต่กลับผิดคาดเพราะปรากฎว่ารถวิ่งได้ค่อนข้างคล่องตัวอย่างน่าอะเมซิ่ง สอบถามได้ความว่ากรุงจาการ์ตาเริ่มจำกัดจำนวนรถบนท้องถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นด้วยการกำหนดให้รถที่มีทะเบียนลงท้ายเป็นเลขคู่วิ่งได้เฉพาะวันคู่ส่วนรถที่มีทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่ก็จะวิ่งได้เฉพาะวันคี่ ส่วนวันหยุดรถทุก คันวิ่งได้ตามปรกติ แต่ช่วงที่ผมไปนั้นเป็นช่วงที่กำลังมีการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ กรุงจาการ์ตาเลยคุมรถทะเบียนคู่ทะเบียน คี่ในวันหยุดด้วย รถเลยวิ่งกันได้ฉลุยมากๆ ไทยเราน่าจะลองคิดเอามาใช้ดูบ้าง
อีกเรื่องบนถนนที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะก่อนหน้านี้ถนนในกรุงจาการ์ตาก็จะเต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้างเหมือนกรุงเทพ จะต่างกันก็แค่ที่นั่นเขาไม่มีเสื้อกั๊กแสดงว่าอยู่วินไหนเท่านั้นเอง แต่เที่ยวนี้ มอเตอร์ไซค์รับจ้างเหล่านั้นได้แปลงร่างไปเป็นมอเตอร์ไซค์ GRAB ไปเสียครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งได้แปลงไปเป็น มอเตอร์ไซค์ GOJEK คู่แข่งรายสำคัญของมอเตอร์ไซค์ GRAB เจ้าของ GOJEK เป็นคนรุ่นใหม่ที่หัวแหลมแปลงเอาคำว่า OJEK ซึ่งแปลว่า มอเตอร์ไซค์รับจ้าง มาบวกกับคำว่า GO กลายเป็น GOJEK และก็เป็นที่นิยมได้อย่างรวดเร็วแต่ที่น่า อะเมซิ่ง ที่สุดก็คือทั้งคนขี่มอเตอร์ไซค์และลูกค้าทั้ง GRAB และ GOJEK ต่างก็ใส่หมวกกันน็อคกันทั่วหน้าเหมือนๆกับ มอเตอร์ไซค์ส่วนตัวที่คนขี่ส่วนมากต่างเคารพกฎหมาย
เนื่องจากช่วงที่เราไปถึงเป็นช่วงที่อินโดนีเซียกำลังจะฉลองวันชาติที่ได้รับเอกราชมาครบ 73 ปี ถนนหนทางและร้านรวง ทั้งหลายจึงประดับประดาธงแดงขาวซึ่งเป็นสีธงชาติกันเต็มเมืองไปหมดเคียงคู่กับธงและป้ายประชาสัมพันธ์การแข่งขัน เอเชี่ยนเกมส์ กรุงจาการ์ตาจึงมีสีสันสวยงามมากกว่าปรกติ แต่ที่ทุกคนประทับใจก็คือตลอดเวลาที่เรานั่งรถไปถนนเส้นใด ก็แล้วแต่ เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าอินโดนีเซียนั้นเขาสามารถรักษาต้นไม้เอาไว้ให้คู่กับเมืองได้อย่างดีเยี่ยม ต้นไม้ต้นสูง ใหญ่มีให้เห็นเต็มเมือง น่าอิจฉา
สำหรับการประชุมกับสภาสื่อมวลชนของอินโดนีเซียนั้นก็เป็นไปอย่างราบรื่นเพราะสภาฯของทั้งสองประเทศมีความ สัมพันธ์ที่ดีมาอย่างต่อเนื่องและได้เคยมีการลงนามในเอ็มโอยูมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว สำหรับเอ็มโอยูฉบับใหม่นี้ทั้งสองสภาฯ จะร่วมมือกันสนับสนุนให้ประเทศอื่นๆในอาเซียนที่ยังไม่มีสภาสื่อมวลชนให้สามารถจัดตั้งสภาสื่อมวลชนได้ ซึ่งจะนำไป สู่การมีสภาสื่อมวลชนของอาเซียนในที่สุด นอกจากนี้ทั้งสองสภาฯยังสนใจที่ช่วยกันจัดการฝึกอบรมให้กับสื่อมวลชนใน เรื่องที่แต่ละฝ่ายมีความถนัดหรือพร้อมกว่า อาทิ สภาฯของอินโดนีเซีย อาจจะเชิญสื่อมวลชนไทยไปศึกษาและทำข่าวการ เลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้นในปีหน้า ขณะเดียวกันสภาฯไทยก็อาจจะเชิญสื่อมวลชนอินโดนีเซียมาดูงาน โทรทัศน์ดิจิทัลในประเทศไทยว่าทำอย่างไรจึงไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะได้ไม่พลาดเหมือนเรา
สิ่งสำคัญที่ผมได้เห็นจากการเดินทางครั้งนี้คือความกล้าหาญและจริยธรรมของสื่อมวลชนอินโดนีเซียที่มีสูงมากและสภา สื่อมวลชนของเขาที่เข้มแข็งและสามารถควบคุมสื่อด้วยกันเองได้อย่างมีประสิทธิภาพน่าประทับใจ ซึ่งเป็นการบ้านข้อ ใหญ่ของสื่อมวลชนไทย ที่ได้ไปเยือนอินโดนีเซียในครั้งนี้