ท่านผู้อ่านเคยไปเที่ยวตลาดนัดในต่างประเทศไหมครับ ถ้าไม่เคย อาทิตย์นี้ผมจะพาไปเที่ยวตลาดนัด “เลกัสปี้” ที่ฟิลิปปินส์ เป็นตลาดที่เปิดเฉพาะวันอาทิตย์คล้ายๆ ตลาดนัดแนวๆ บ้านเรา ตั้งอยู่ในเขต “มากาติ” ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ อยู่ติดกับกรุงมะนิลาครับ
เลกัสปี้ เป็นตลาดนัดที่ไม่ใหญ่นักแต่ว่าของที่นำมาขายนั้นมีความน่าสนใจ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นของออแกนิกหรือของที่ทำมือ พวกแฮนเมดทั้งหลาย มีทั้งต้นไม้ ผักออแกนิกส์ ผลไม้ออแกนิกส์ ของที่ระลึกต่างๆ เสื้อผ้าจากหลากหลายแบบจากหลายประเทศ กระเป๋า รองเท้า ผมไปเจอร้านน่ารักเข้าร้านหนึ่งขายเสื้อผ้า รองเท้านินจาและของเล่นจากญี่ปุ่นซึ่งเจ้าของร้านเป็นคนญี่ปุ่น อยู่ฟิลิปปินส์มา 33 ปีล่ะ พูดฟิลิปปินส์คล่องจนผมคิดว่าเป็นคนฟิลิปปินส์เลยทีเดียวละครับ
และที่ผมเพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรกที่นี่ก็คือคาราบาวมิ้ลค์ หรือนมควายนั่นเอง คาราบาวนี่ก็คือกระบือหรือควายบ้านเรานี่เองครับ มีทั้งรสจืดและรสช็อกโกแลตกลิ่นก็คล้ายๆ นมวัวปกติแต่รสชาตินั้นบอกได้เลยเข้มข้นกว่า นมควายขายนั้นขายได้ราคาดีกว่านมวัว คือแพงกว่าราวๆ 30 เปอร์เซ็นต์ ขวดเล็กๆ ขายกัน 50 เปโซหรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 38 บาท นอกจากนมควายแล้วชีสที่ทำจากนมควายก็มีด้วยนะครับ อะเมซิ่งดี !!
คนที่เข้ามาขายของในตลาดเลกัสปี้นี้ กว่าครึ่งจะเป็นคนต่างชาติที่มาทำงานในฟิลิปปินส์ แม่ค้าบางคนที่ผมไปเจอเป็นสาวสเปน ที่มาสอนภาษาสเปนที่นี่แต่ก็ใช้เวลาว่างวันอาทิตย์มาทำ “ไป๋ย่า” หรือข้าวผัดสเปนขาย แต่ก็ไม่ใช่ข้าวผัดธรรมดาๆ นะครับเพราะเธอ ทำข้าวผัดสเปนแบบออกานิกขาย ขายทั้งแบบใส่ไก่และทั้งแบบมังสะวิรัตเสียด้วย ผัดไปขายไปคุยไป คนฟิลิปปินส์มาต่อแถวรอซื้อกันยาวก็แล้วกัน
อาหารการกินในตลาดนี้มีครบเลยครับ อาหารพื้นเมืองของฟิลิปปินส์นั้นมีให้เลือกมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีความพิเศษ เช่น โฮมเมด ออแกนิกส์ มังสวิรัติ หรืออาหารสากลพวกอาหารฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลีก็มีให้เลือก เดินไปซื้อไปชิมไป มีความสุขมาก ถ้าอยากจะซื้อของสดกลับไปทำทานเองที่บ้านต้องบอกว่าตลาดเลกัสปี้นี่เขาเน้นผักผลไม้แบบออแกนิกส์เสียเป็นส่วนใหญ่ ผักผลไม้ส่วนมากดูดีและน่าทานไปหมด
ที่แปลกๆ อีกหน่อยก็เช่น เกลือสีชมพูหรือเกลือหิมาลายันก็มีมาขาย เกลือหิมาลายันนี่เขาว่ากันว่าเป็นเกลือที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาหิมาลัย เป็นเกลือที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ มีแร่ธาตุมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถนำไปทำอาหารเอา ไปใช้เสริมความงามหรือไปผสมน้ำดื่มเพื่อล้างพิษในร่างกายก็ได้
มีอยู่หลายร้านที่เอาของมาขายเพื่อเอาเงินไปช่วยการกุศล ผมไปเจอร้านหนึ่งผู้หญิงอังกฤษที่คุณแม่ทำเครื่องประดับให้เอามาขาย แล้วเงินที่ได้เอาไปช่วยครอบครัวผู้หญิงที่ติดเชื้อ HIV เครื่องประดับดูดีน่ารักแถมจิตใจดี ผมกับคณะเลยช่วยกันซื้อเสียเยอะแยะเลย
แต่ที่ผมชอบที่สุดก็คือ Little Free Library ครับ ที่ตลาดเลกัสปี้นี่เขาเอาตู้กระจกเล็กๆที่ใส่หนังสือหลายแบบมาตั้งเอาไว้ ใครอยากจะหยิบเล่มไหนไปอ่านก็ได้ หยิบได้ตามสะดวก ขอเพียงแต่หยิบไปเล่มหนึ่งก็ช่วยเอาหนังสืออื่นๆ มาวางคืนเล่มหนึ่งเท่าๆ กัน ทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเราจะได้มีโอกาสเอาหนังสือเก่าที่เราอ่านจบแล้วมาแลกกับหนังสือที่คนอื่นอ่านจบแล้วแต่เรายังไม่เคยอ่าน แถมที่ใต้ตู้กระจกใบเล็กเขาก็จะเอากล่องพลาสติกมาวางไว้ สำหรับคนใจบุญที่อยากจะเอาหนังสือเก่าหนังสือใหม่มาบริจาคให้ห้องสมุดต่างๆ อีกด้วย
ผมว่าถ้าตลาดนัดหรือคอมมูนิตี้อลล์บ้านเราจะเอาแนวคิดนี้มาใช้ น่าจะช่วยส่งเสริมให้คนไทยมีนิสัยรักการอ่านให้มากขึ้นได้นะครับ
