เมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนที่โจโควี่ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีและจะต้องจัดตั้งรัฐบาล คนอินโดนีเซียส่วนมากคาดการณ์ว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะต้องถูกครอบงำโดย นางเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี อดีตประธานาธิบดีและหัวหน้าพรรค PDI-P ที่โจโควี่อาศัยเป็นฐานในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเมื่อได้รับเลือกตั้งสามารถตั้งกระทรวงใหม่หรือยุบกระทรวงเก่าได้ทันที เมื่อโจโควี่ตัดสินใจได้แล้วว่าภายใต้การบริหารของเขา รัฐบาลใหม่จะมีกระทรวงอะไรบ้าง เขาก็ได้ทำในสิ่งที่คอการเมืองอินโดนีเซียร้องฮือด้วย ความอะเมซิ่ง เพราะโจโควี่เอาชื่อกระทรวงทั้งหมดพร้อมรายชื่อตัวเก็งรัฐมนตรีกระทรวงละ 3 คนที่โจโควี่ชอบมาโพสต์ บนเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนมาโหวตว่าชอบรัฐมนตรีคนไหนบ้าง หากไม่ชอบทั้งสามชื่อในแต่ละกระทรวง ประชาชนก็ สามารถเสนอชื่อคนใหม่ได้อีกด้วย
โจโควี่รู้ดีว่าแรงต้านทานนางเมกาวาตีและพรรค PDI-P ที่ดีที่สุด คือแรงของประชาชน เขาจึงชิงเอาชื่อรัฐมนตรีที่เขาชอบ และแน่นอนว่าต้องมีชื่อคนของนางเมกาวาตี รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน แต่แทนที่เขาจะต้องเป็นคนปฏิเสธ “เด็กฝาก” ด้วย ตัวเอง เขาก็อาศัยใช้เสียงโหวตจากประชาชนเป็นตัวช่วยในการปฏิเสธ นับว่าเป็นหมากการเมืองที่ลึกล้ำ อาศัยทั้ง ประชาชนและเทคโนโลยีไปพร้อมๆกัน
คนอินโดนีเซียก็แห่กันเข้ามาโหวตเลือกรัฐมนตรีกันอย่างคึกคัก พอได้ชื่อรัฐมนตรีที่คนนิยมสูงสุดในแต่ละกระทรวง โจโควี่ก็เรียกเสียงฮือฮาอีกรอบด้วย รอบนี้ดังกว่ารอบแรกเสียอีก เพราะโจโควี่เอารายชื่อ “ว่าที่รัฐมนตรี” ทั้งหมดที่ ประชาชนเลือกมา ส่งไปให้คณะกรรมการถอนรากถอนโคนคอรัปชั่น KPK หรือ ปปช.ของบ้านเขา ตรวจสอบประวัติ ของว่าที่รัฐมนตรีเหล่านั้น
ที่คนฮือฮา ถูกอกถูกใจกันมากก็เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับให้โจโควี่ต้องส่งรายชื่อไปให้ KPK ตรวจสอบก่อนการแต่งตั้ง แต่เป็นความต้องการของโจโควี่เองที่อยากจะได้รัฐมนตรีมือสะอาดเท่านั้นมาร่วมงาน
และปปช.ของอินโดนีเซียก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนผิดหวัง เพราะ KPK รายงานกลับมาอย่างตรงไปตรงมา ว่ามี “ว่าที่รัฐมนตรี” หลายรายที่มีประวัติไม่ค่อยสะอาด ส่วนบางคนประวัติไม่ถึงกับดำแต่ออกสีเทาๆ
คราวนี้เป็นโจโควี่ ที่เรียกเสียงฮือฮาอีกรอบ เพราะเขาตัดว่าที่รัฐมนตรีที่มีประวัติสีดำและสีเทาออกทั้งหมด และหาชื่อ ว่าที่รัฐมนตรีใหม่ส่งไปให้ KPK ตรวจสอบอีกรอบ
หลังได้รายชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่ถูกตรวจสอบประวัติว่าเป็นคนมือสะอาดแล้ว โจโควี่ก็ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีออกมา ผลปรากฎว่าได้คณะรัฐมนตรีที่ประชาชนปรบมือให้ เพราะรายชื่อที่ประกาศออกมานั้น ล้วนแต่เป็นคนดี มีความสามารถ เกือบๆครึ่งของคณะรัฐมนตรีจบการศึกษาระดับปริญญาเอกและวางไว้ในกระทรวงที่ตรงความรู้ความสามารถ อายุเฉลี่ยทั้ง ครม. อยู่ที่ 51 ปีนับว่ายังหนุ่มยังสาวอยู่มาก ส่วนที่เป็นนักการเมืองก็เป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารงาน เป็นที่ยอมรับของสังคม ไม่ใช่นักการเมืองเขี้ยวลากดินที่คอยหากินกับการคอรัปชั่น
เมื่อเริ่มบริหารประเทศ เมื่อรัฐมนตรีคนไหนทำงานชักช้า ไม่มีประสิทธิภาพหรือมีข่าวคอรัปชั่น โจโควี่ก็ไม่รีรอที่จะปรับ ออก ทันที ทำให้การเริ่มต้นบริหารประเทศของโจโควี่ขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและโปร่งใส สามารถ ยกระดับประเทศจากยักษ์หลับกลายเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ที่ทั้งโลกจับตาอย่างมาก โลกคาดการณ์กันว่าเมื่อถึงปีพ.ศ. 2593 อินโดนีเซียจะมีกำลังซื้อสูงเป็นที่ 4 ของโลก เป็นรองแค่ จีน อินเดียและสหรัฐเท่านั้นเอง
5 ปีที่แล้วตอนโจโควี่ตั้งรัฐบาลนั้นก็เป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกับไทยกำลังตั้งรัฐบาลคสช.พอดี 5 ปีผ่านไปทั้งสอง ประเทศกำลังจะได้รัฐบาลใหม่ทั้งคู่ คงต้องจับตาอีกครั้งว่าคราวนี้ครม.ใหม่ประเทศไหนจะแจ๋วกว่ากัน?