Amazing AEC – ต้องดมก้น

0
550

เมื่อไม่นานมานี้มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งชื่อน้องเปิ้ลและน้องหนึ่ง ได้เดินเข้ามาหาผมเพื่อมาให้ข้อมูลในวิธีการขายผลไม้ให้ได้ราคาแพงๆ แบบญี่ปุ่น เพราะน้องทั้งสองคนนี้เขานำเข้าผลไม้ระดับพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น และที่น่าสนใจพวกเขาเป็นคนไทยคู่เดียวที่มีสิทธิเข้าไปประมูลผลไม้พรีเมี่ยมจากตลาดกลางประมูลผลไม้ที่ชื่อ “โอตะ” ที่กรุงโตเกียว ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและหน่วยงานภาครัฐของไทย จึงขออนุญาตน้องเขาเอามาเขียนให้อ่านกัน

เกษตรกรในญี่ปุ่นนั้นเมื่อจะปลูกอะไรเขาจะต้องศึกษาวิธีการปลูกและคัดเลือกพันธุ์เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลผลิตที่ดีที่สุด และแตกต่างจากสวนอื่นๆ เมื่อผลผลิตออกมาเกษตรกรแต่ละสวนจะคัดเอาผลผลิตส่วนที่มีคุณภาพพรีเมี่ยมหรือดีที่สุด เพื่อส่งไปรวมกันที่สหกรณ์ที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ คำว่าผลไม้พรีเมี่ยมของญี่ปุ่นนั้นจะมีคุณสมบัติอะไรบ้างก็จะขึ้น อยู่กับชนิดของผลไม้นั้นๆ แต่สิ่งที่ต้องดูร่วมกันก็มีลักษณะของผิวผลไม้ รูปร่าง ขนาด ถ้าเป็นผลไม้ที่เป็นพวงเช่นองุ่น เขาก็จะดูว่าองุ่นแต่ละผลในพวงนั้นผิวต้องสวยทุกผล ขนาดต้องเท่ากันทุกผล ลักษณะพวงต้องดูสมบูรณ์ ความหวานก็เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญจะต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มาวัดความหวานกันเลยทีเดียว สำหรับผลไม้ประเภทและพันธุ์ที่ต้องหวานก็คือต้องหวานสนิทและหวานที่สุด พันธุ์ไหนต้องหวานอมเปรี้ยวเช่นองุ่นพันธุ์เบนนิ โฮปเปะก็ต้อง หวานอมเปรี้ยวตามมาตรฐาน ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าสำหรับผลไม้แต่ละต้นย่อมจะมีผลไม้ที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมเพียง ไม่กี่ผลหรือไม่กี่พวง ถ้าคิดเป็นสวนแต่ละสวนก็จะมีอยู่ไม่เท่าไหร่ ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็คงจะได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์

เมื่อคัดได้ผลไม้คุณภาพระดับพรีเมี่ยมแล้ว เกษตรกรแต่ละรายก็จะส่งผลไม้เหล่านั้นไปรวมกันที่สหกรณ์ซึ่งเขาเป็น สมาชิกอยู่ สหกรณ์ก็จะรวบรวมผลไม้พรีเมี่ยมเหล่านั้นส่งไปตลาดกลางผลไม้ “โอตะ” เพื่อให้สมาชิกตลาดมาแข่งกัน ประมูลเพื่อให้เกษตรกรได้ราคาที่ดีที่สุด เมื่อผลไม้พรีเมี่ยมถูกส่งมาถึงตลาดโอตะ ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญลงไปตรวจสอบว่า ผลไม้ที่ส่งมานั้นคุณภาพถึงขั้นผลไม้พรีเมี่ยมจริงหรือไม่? เมื่อผ่านการตรวจสอบคุณภาพว่าเป็นผลไม้พรีเมี่ยมจริง ตลาด โอตะก็จะเอาผลไม้ไปให้สมาชิกมาเดินดูเพื่อจะได้ตัดสินใจว่าจะประมูลในราคาเท่าไหร่ ระหว่างนั้นเราก็จะเห็นเกษตรกร เจ้าของสวนคอยเดินเชียร์ผลไม้ล็อตของตัวเองว่าล็อตที่กำลังจะเข้าประมูลนั้นดีเด่นอย่างไร? การประมูลผลไม้พรีเมี่ยมของ ตลาดโอตะที่มีความใหญ่ราวๆ 400,000 ตารางเมตรนั้นจะประมูลกันทุกวันโดยจะเริ่มต้นประมูลตอน 6 โมงเช้า ภาพการ ประมูลก็จะสนุกคึกคักคล้ายๆ การประมูลปลาใน “ตลาดทสึกิจิ” ที่คนไทยรู้จักกันดีนั่นเอง

ด้วยระบบการคัดเอาเฉพาะผลไม้ระดับพรีเมี่ยมมาประมูลนั้นจึงทำให้ผลไม้ระดับที่พรีเมี่ยมจริงๆของญี่ปุ่นขายได้ราคาสูงอย่างน่าอะเมซิ่งเช่น “องุ่นรูบี้โรมัน” ที่มีสีแดงเข้มประดุจทับทิมและมีผลโตขนาดลูกปิงปองนั้น พวงที่มีคุณภาพพรีเมี่ยม สุดๆ นั้นเคยมีคนแย่งประมูลกันในราคาพวงละล้านกว่าเยนหรือเกือบๆ 4 แสนบาทเลยทีเดียว ส่วนองุ่นพันธุ์รูบี้โรมัน ระดับพรีเมี่ยมทั่วไปนั้นราคาประมูลเฉลี่ยอยู่ที่พวงละ 20,000 บาท อย่าคิดว่าจะมีคนประมูลสักกี่คนถ้าองุ่นมีราคาแพง ขนาดนี้ เพราะการประมูลล่าสุดที่น้องทั้งสองคนได้รับออร์เดอร์ให้ไปประมูลองุ่นรูบี้โรมันมาให้ได้นั้น ปรากฎว่าใช้เวลา เพียง 3 วินาทีการประมูลก็จบแล้วและราคาแพงกว่าพวงละ 20,000 บาทเสียอีก

เกษตรกรที่ผลไม้ระดับพรีเมี่ยมของตัวเองสามารถส่งเข้าไปประมูลได้ก็จะมีความภาคภูมิใจและสวนของเขาก็จะมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นบรรดาผลไม้คุณภาพรองลงมาจากพรีเมี่ยมซึ่งในระบบของญี่ปุ่นนั้นเกษตรกรสามารถขายให้ใครก็ได้ ก็จะมีคนมาขอซื้อมากขึ้นในราคาที่สูงขึ้น ผลไม้ญี่ปุ่นที่คนไทยเราซื้อมาทานในห้างดังๆ หรือซื้อจากผู้นำเข้าที่คนไทยว่า อร่อยมากๆ แล้วนั้นแท้ที่จริงแล้วก็คือผลไม้เกรดรองจากพรีเมี่ยมเท่านั้นเอง ผมโชคดีที่น้องทั้งสองเอาแอปเปิ้ลพันธุ์คินเซ ของเมืองอาโอโมริที่ประมูลได้มาฝาก แอปเปิ้ลพันธุ์นี้เป็นพันธุ์หายากผิวมีลายเหมือนหินอ่อน กลิ่นหอมเหมือนฉีดน้ำหอม รสหวานชื่นใจ ผมได้ทานแล้วต้องบอกว่าสุดยอดสมกับเป็นแอปเปิ้ลพรีเมี่ยมของญี่ปุ่นจริงๆ

เคล็ดลับการเลือกแอปเปิ้ลที่ดีนั้นคือ ผิวจะต้องสากเหมือนหน้าเราที่ล้างหน้าเสร็จมาใหม่ๆ ถ้าผิวเริ่มมันนิดๆ แปลว่า แอปเปิ้ลเริ่มเก่า เหมือนหน้าเราที่ล้างหน้าไปสักพักแล้วน้ำมันเริ่มออกนั่นแหล่ะครับ แต่ถ้าผิวมันแผลบเลยนั้นเป็น แอปเปิ้ลที่เคลือบแวกซ์มาครับไม่ใช่พรีเมี่ยมแน่นอน ส่วนเรื่องกลิ่นแอปเปิ้ลนั้นผมก็เพิ่งรู้จากน้องทั้งสองว่าเวลาดมกลิ่นนั้นเขาดมกันที่ก้นของแอปเปิ้ลครับ ไม่ได้ดมที่ข้างๆ ผลแอปเปิ้ลที่คนไทยส่วนมากชอบดมก่อนจะเลือกซื้อ

[smartslider3 slider="9"]