Amazing AEC – บาหลี สีชัง

0
643


17 มีนาคมที่เพิ่งผ่านไปเป็นวันปีใหม่ของคนเกาะบาหลี อินโดนีเซียเป็นการนับการขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินซะคาของฮินดูซึ่งคนเกาะบาหลีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาฮินดู
วันปีใหม่ของคนเกาะบาหลีนี่เขาเรียกว่า “วันเนี้ยบปี่” ซึ่งจะมีวิธีการเฉลิมฉลองที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นๆ สามวันก่อนวัน เนี้ยบปี่ คนเกาะบาหลีจะเอารูปปั้นเทพเจ้าทั้งหลายออกมาแห่เป็นขบวนพาเหรดที่เต็มไปด้วย สีสันแห่ไปยังจุดที่มีน้ำจะ เป็นทะเล แม่น้ำหรือทะเลสาปก็ได้ เพื่อที่จะทำความสะอาดรูปปั้นเทพเจ้าเหล่านั้นด้วยน้ำ เสร็จแล้วก็จะแห่เอากลับไปยัง ศาสนาสถานเดิมที่เอามา คนเกาะบาหลีเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้จิตใจของเขาสงบและได้ ใกล้ชิดเทพเจ้ามากยิ่งขึ้น
ในวันสุดท้ายก่อนจะถึงวันเนี้ยบปี่ คนเกาะบาหลีเขาจะทำหุ่นยักษ์ปีศาจด้วยไม้ไผ่และกระดาษ และจะทำให้น่ากลัวเพื่อให้ เป็นตัวแทนของปีศาจร้ายที่อยู่รอบๆตัวที่พวกเขาต้องการจะกำจัดให้พ้นไปจากชีวิต ทำเสร็จก็จะเอามาเข้าขบวนแห่ไป รอบๆเกาะ ซึ่งในขบวนจะมีการจุดคบไฟและเล่นดนตรีพื้นเมืองกันอย่างครึกครื้น คนเกาะบาหลีเชื่อว่าการทำแบบนี้จะทำ ให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์ มนุษย์กับมนุษย์และมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
เมื่อถึงวันเนี้ยบปี่ คนเกาะบาหลีจะต้องอยู่แต่ในบ้านห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด การห้ามนี่ห้ามกันอย่างจริงจัง เพราะจะ มีการ์ดชุดดำคอยตรวจไม่ให้ใครออกมานอกบ้านจริงๆ การอยู่ในบ้านก็จะต้องอยู่อย่างมืดๆเงียบๆ ห้ามทำงานห้ามหุงหา อาหาร ห้ามเปิดไฟ ห้ามดูโทรทัศน์วิทยุ ถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำให้เงียบที่สุดและให้มืดที่สุด ร้านค้าทุกร้านทุกกิจการบน เกาะก็จะปิดเงียบหมด โรงพยาบาลจะเปิดแต่เฉพาะห้องฉุกเฉินเท่านั้น แม้แต่สนามบินก็ยังปิดไม่ให้เครื่องบินขึ้นลง
นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเที่ยวบาหลีในช่วงนี้ก็จะต้องทำตัวเหมือนกับคนท้องถิ่น โรงแรมและรีสอร์ทจะหยุดให้บริการ ทุกอย่าง นักท่องเที่ยวจะถูกห้ามไม่ให้ออกนอกสถานที่พัก จะไปชายหาดเล่นน้ำทะเลก็ไม่ได้ วันเนี้ยบปี่เลยเป็นวันปีใหม่ ที่เงียบฉี่ที่สุดในโลกก็ว่าได้
เหตุที่ต้องทำให้ทั้งเกาะมืดและ เงียบที่สุดก็เพราะคนเกาะบาหลีเขาต้องการจะหลอกปีศาจร้ายว่าไม่มีคนอยู่บนเกาะนี้แล้ว เพื่อให้ปีศาจไม่อยากจะมาอยู่ที่ เกาะบาหลี ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเขาเชื่อว่าการที่เอาชนะใจตัวเองบังคับตัวเองให้อยู่อย่าง เงียบสงบจนครบ 24 ชั่วโมงได้นั้น เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ หากทำได้ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงพวกเขาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
เขียนถึงวันปีใหม่ของเกาะบาหลีเลยทำให้ผมนึกถึงวันปีใหม่ของเกาะสีชังขึ้นมา เพราะเพิ่งมีโอกาสไปทำงานที่นั่นมาเมื่อ อาทิตย์ที่แล้วและเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผมได้พูดในช่วงเจาะลึกอาเซียนทางวิทยุเครือข่ายอสมท.ว่าผมเพิ่งเคยไปเกาะสีชัง เป็นครั้งแรก ปรากฎว่ามีผู้ฟังจำนวนไม่น้อยก็บอกว่ายังไม่เคยไปเกาะสีชังเหมือนกัน ทั้งๆที่คนไทยส่วนมากจะเคยฟังเพลง สีชังที่มีเนื้อท่อนที่คุ้นหูว่า “ …..สีชัง ชังแต่ชื่อ เกาะนั้นหรือจะชังใคร ขอแต่แม่ดวงใจ อย่าชังชิงพี่จริงจัง….” แต่คงมีไม่กี่คน ที่จะรู้ว่าเนื้อเพลงสีชังนี้เป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 สีชังจึงน่าจะเป็นเมืองเดียวของไทยที่โชคดีที่มีเพลงประจำ เมืองซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ ที่น่าอะเมซิ่งก็คือสีชังนี่เป็นเกาะที่พระมหากษัตริย์ของไทยถึง 3 พระองค์คือรัชกาลที่ 4 5 และ 6 ทรงโปรดและเสด็จมาประทับอยู่เสมอๆ
การฉลองปีใหม่ในช่วงสงกรานต์ที่เกาะสีชังนี้จะมีไฮไลท์อยู่ที่ประเพณีอุ้มสาวลงน้ำในช่วงเช้าวันที่ 18 เมษายนทุกปี ซึ่งดู เหมือนเป็นเพียงการละเล่นสนุกๆ แต่พอค้นคว้าลงไปลึกๆแล้วรู้ว่าชายหาดที่เขาจัดงานนี้นั้นเป็นชายหาดที่เสด็จพ่อร. 5 ทรงโปรดมาเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่งเพราะเกาะสีชังและเกาะบริวารมีน้ำทะเลที่ใสสะอาดอย่างมาก และประเพณีอุ้มสาวลงน้ำ นั้นเป็นกุศโลบายของคนโบราณที่เมื่อชายหนุ่มพึงใจหญิงสาวคนไหนก็จะต้องไปขออนุญาตอุ้มสาวลงทะเล ถ้าออเจ้ามี ใจให้ก็จะยอมให้พี่หมื่นสัมผัสเนื้อตัวโดยยอมให้อุ้ม แต่หากไม่พึงใจพี่หมื่นก็คงจะต้องอกหักไป เลยทำให้สงกรานต์ปีนี้ ผมจะต้องไปสีชังเพื่อตามหาและอุ้มออเจ้าลงน้ำซึ่งน่าสนุกกว่าไปอยู่เงียบๆที่เกาะบาหลีตั้งเยอะ

[smartslider3 slider="9"]