อาทิตย์นี้ผมจะพาไปเที่ยวเมือง “ญาจาง” ออกเสียงว่า “ยาจาง” แม้จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ “ Nha Trang” ชวนให้อ่านว่า “นาตรัง” ก็ตาม เพราะเขียนแบบนี้คนเวียดนามเขาอ่านว่ายาจาง
ญาจางเป็นเมืองชายทะเลที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังพูดถึง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซีย ซึ่งนิยมมาเที่ยวที่นี่ กันมากเหลือเกิน ส่วนนักท่องเที่ยวไทยก็รู้จักญาจางมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้มีโลว์คอสต์แอร์ไลน์บินตรงจากเมืองไทย ไปลงที่สนามบินนานาชาติที่ไม่ใหญ่นัก “แคมรัน” (Cam Ranh) ที่อยู่เมืองข้างๆ ห่างจากญาจางเพียง 45 นาที
ขาไปผมต้องแวะที่โฮจิมินห์ก่อนแล้วค่อยบินต่อไปญาจาง แต่เพราะต้องคอยอยู่ในสนามบิน 2-3 ชั่วโมงก็เลยยอมจ่ายเงิน เพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อใช้เลาจน์ของโลว์คอสต์แอร์ไลน์เจ้าดังของเวียดนาม บรรยากาศดูดีสู้เลาจน์การบินไทยไม่ได้เลย แต่สำหรับอาหารและเครื่องดื่มนั้นดีกว่าของเลาจน์การบินไทยอย่างน่าตกใจ ทั้งๆที่เป็นแค่เลาจน์ของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ แถมพอถึงสนามบิน ยังมีรถตู้พิเศษมารับถึงที่ พอไปถึงตัวสนามบิน กระเป๋าของผมเพียงใบเดียวก็มารออยู่เรียบร้อยแล้ว บริการยังกับนั่งเฟิร์สคลาสของสายการบินระดับโลกกันเลยทีเดียว
การเดินทางจากสนามบินแคมรันเข้าไปที่เมืองญาจางนั้นต้องยอมรับว่าเวียดนามเขาจัดการเดินทางไว้ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีบริการทั้งแท็กซี่มิเตอร์ที่ราคาราว 400 บาทและรถบัส 2 สายที่คิดราคาราว 70-90 บาท การเดินทางเที่ยวนี้ผม ใช้บริการรถโรงแรมก็สะดวกสบายดี คนขับเอาใจและพูดคุยกับเราเป็นภาษาอังกฤษได้ดี ถนนก็เรียบนั่งสบาย
เมื่อไปถึงเมืองญาจาง ภาพแรกที่เตะตามาเลยก็คือชายหาดของญาจางที่ทอดโค้งสวยงามราวสุดตา ไม่มีสิ่งก่อสร้างระเกะ ระกะให้รกลูกตา ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้ทรายจะสวยสู้ฟูก๊วก อีกเมืองชายทะลที่มีชื่อเสียงด้านหาดทรายของเวียดนาม แต่ก็ต้องถือว่างามน่าเที่ยว น้ำทะเลก็ดูใสเห็นนักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำกันแต่เช้า คนชอบดำน้ำมากันเยอะ
โรงแรมในญาจางก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งโรงแรมท้องถิ่นและเครือโรงแรมของต่างประเทศ คราวนี้ผมเลือกพักโรงแรม ท้องถิ่นในระดับ 3,000 ต่อคืน ห้องพักห้องอาหารการบริการดี มองจากห้องพักเห็นชายหาดเต็มๆ สวยมาก ถ้าเป็นที่ภูเก็ต หรือสมุยแล้วพักระดับนี้ต้องคิดผมอย่างน้อย 6,000 บาทขึ้นไป
ญาจางนั้นเป็นแหล่งอาหารทะเลสำคัญซึ่งหามาป้อนเมืองท่องเที่ยวเวียดนามทั่วประเทศ ดังนั้นอาหารทะเลที่นี่ไม่ใช่แค่สด แต่ยังเป็นๆอยู่เลย เวลาเดินเที่ยวในเมืองจะเห็นร้านซีฟู้ดเต็มเมืองไปหมด แต่ละร้านก็จะเอากุ้งหอยปูปลาใส่กาละมัง เอาไว้ ให้ว่ายน้ำโชว์ลูกค้าใครอยากทานอะไรก็เลือกชี้เอาเลย อาหารทะเลนี่ถ้ายังเป็นๆอยู่ก็อร่อยไป 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ถ้าใคร ติดน้ำจิ้มซีฟู๊ดแบบไทยๆ เอาติดมือไปด้วยก็น่าจะดี แต่ส่วนตัวผมเองชอบทานแบบเน้นรสชาติความสดหวานตาม ธรรมชาติของซีฟู๊ด ระยะหลังๆเลยไม่ต้องพกน้ำจิ้มซีฟู๊ดแบบไทยเอาไปเอง
ท่านที่ชอบทานหอย ผมแนะนำให้ลองทานหอยให้ครบทุกแบบ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายมากกว่าหอยในเมืองไทยมากนัก หอยแต่ละแบบก็มีวิธีปรุงที่แตกต่างและอร่อยต่างกันออกไป เพื่อรับประกันความเป็นความสด ผมแนะนำให้เลือกชี้เอา จากกาละมังจากหน้าร้านดีกว่า จะได้มั่นใจว่ายังเป็นอยู่และขนาดถูกใจ หากไปเลือกชี้เอาจากเมนู อาจจะผิดพลาดได้
ล็อบสเตอร์ เป็นพระเอกที่เดินไปที่ไหนก็จะเห็นเต็มไปหมด แม้แต่แม่ค้าหาบเร่ข้างถนนยังย่างล็อบเสตอร์ขาย มีนักท่องเที่ยวนั่งทานกันมากพอสมควร ผมลองสอบถามดูพอรู้ราคาว่าขายล็อบเสตอร์ไซส์โตพอสมควรตัวละ 300 บาท แล้วอดไม่ได้ที่จะต้องลองชิม เพราะในร้านซีฟู๊ดริมถนนที่ขายกันตัวละ 6-700 ก็ว่าถูกมากแล้ว นี่เล่นขายกันตัวละแค่ 300 บาท จะถูกไปไหน พอได้ชิมก็เลยพอเดาได้ว่าล็อบเสตอร์ข้างทางนี่คงจะเป็นล็อบเสตอร์ที่ตายแล้ว ไม่สามารถขายได้ตามร้านแล้ว แม่ค้าหาบเร่ก็เลยไปเหมาซื้อมาย่างขายถูกๆ นั่นเอง รสชาติล็อบเสตอร์ข้างทางก็เลยไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าอยากได้ภาพสนุกๆ เอาไว้อวดเพื่อนและได้ชื่อว่าเคยทานล็อบเสตอร์ตัวละ 300 บาทมาแล้ว ถือว่าคุ้มมากๆครับ