Amazing AEC – สุนทรพจน์โควิด-19

0
639

การกล่าวสุนทรพจน์ในวาระสำคัญเป็นบทบาทสำคัญอันหนึ่งของผู้นำโดยเฉพาะในภาวะวิกฤติ ที่จะต้องมีมืออาชีพเข้ามาช่วยในขั้นตอน นายกฯลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์ออกมากล่าวสุนทรพจน์สองครั้งในภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเป็นสุนทรพจน์ที่ได้รับคำชมเชยจากทั้งโลก วันนี้ผมขอแปลสุนทรพจน์ครั้งที่สองซึ่ง ลี เซียน ลุง ได้พูดไว้เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมาให้อ่านกัน

สวัสดีครับเพื่อนร่วมชาติชาวสิงคโปร์

5 สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ออกมาพูดกับท่านเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งหลังจากวันนั้นก็ได้มีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นอีกมากมาย วันนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่ผมจะได้มารายงานสถานการณ์และแบ่งปันข้อมูลกับทุกท่านว่าเรากำลังจะเผชิญกับอะไรบ้างในอนาคตข้องหน้า ซึ่งวันนี้ผมจะพูดกับท่านใน 3 เรื่องด้วยกันคือ ด้านการแพทย์ ด้านเศรษฐกิจและด้านจิตใจและความรู้สึก

ด้านการแพทย์ เรายังเจอผู้ติดเชื้อใหม่ๆอย่างต่อเนื่องซึ่งส่วนมากเป็นคนที่เดินทางไปต่างประเทศหรือได้รับเชื้อจากต่างประเทศ ซึ่งทุกครั้งที่พบเราสามารถแยกตัวผู้ติดเชื้อ สืบค้นต้นเหตุและกักบริเวณผู้ใกล้ชิดกับเขาเหล่านั้นได้ ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ได้พุ่งสูงมาก อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เราก็ยังไม่สามารถกำจัดไวรัสนี้ได้อย่างเด็ดขาด

ในขณะเดียวกันที่รอบๆบ้านเรา จำนวนผู้ติดเชื้อกลับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ในจีนเริ่มทรงตัวแต่ผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับเพิ่มสูงขึ้นในทั่วโลก ในยุโรป อเมริกาและตะวันออกกลาง ทั่วโลกจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสองเท่าทุกๆ 5 ถึง 7 วัน ทำให้องค์การอนามัยโลกประกาศให้โควิด 19 เป็นโรคระบาดทั่วโลกแล้ว

การประกาศเช่นนั้นหมายความว่าอะไร? มันหมายความว่าองค์การอนามัยโลกประเมินแล้วว่ายังจะมีประเทศอีกจำนวนมากซึ่งจะต้องเผชิญกับสถานการณ์การระบาดอย่างหนักเช่นเดียวกับที่เกาหลีใต้และอิตาลีได้เคยเจอมาแล้ว และที่ไม่เหมือนไวรัสซาร์สก็คือการระบาดครั้งนี้จะยาวนานไปอีกนานพอสมควร อาจจะเป็นปีหรือยาวนานกว่านั้น

องค์การอนามัยโลกบอกว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้การระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็วก็คือการที่ประเทศต่างๆไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างจริงจังมากพอ ซึ่งองค์การอนามัยโลกใช้คำว่า “ความเฉื่อยที่น่าตกใจ” แต่ในสิงคโปร์พวกเรารับมือสถานการณ์นี้ด้วยความจริงจังอย่างมากที่สุด จนทำให้องค์การอนามัยโลกชมเชยและยกให้สิงคโปร์เป็นตัวอย่างของประเทศที่ควรทำตาม

แต่เราเองก็ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงเช่นประเทศอื่นๆ เราคาดว่าจะเจอกับผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศมากขึ้นอีก และอาจจะเจอผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่อีกระลอกหนึ่งจากต่างประเทศอีกหลายประเทศ เราได้ออกมาตรการควบคุมการเดินทาง เช่นการเดิน ทางมาจากประเทศจีน อิหร่าน เกาหลีใต้และอิตาลี แม้ว่าเราจะไม่สามารถปิดประเทศเราจากโลกได้ แต่เราจะเข้มงวดให้มากขึ้นกับเรื่องนี้ต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง

มีอะไรอีกมั้ยที่พวกเราควรทำเพิ่มขึ้นอีก? อย่างแรก เป็นเพราะว่าโควิด-19 ยังจะอยู่กับเราเป็นระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้นจึงมีกิจกรรมพื้นฐานที่พวกเราจะต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับมันให้ได้ เช่นการดูแลสุขอนามัยของตัวเอง การยอมรับมาตรฐานทางสังคมใหม่ การไม่ออกไปอยู่ในสถานที่ซึ่งมีคนจำนวนมาก และการอยู่ห่างจากคนอื่นๆ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราลดขนาดของกิจกรรมต่างๆลง โดยเฉพาะกิจกรรมของผู้สูงอายุ

ยังมีเรื่องอื่นๆที่เราสามารถทำเพิ่มเติมได้อีก เช่นการรวมตัวกันเพื่อกิจกรรมทางศาสนา ในเกาหลีใต้การระบาดอย่างหนักเกิดจากการรวมตัวกันในโบสถ์ของลัทธิชินชอนจิ ในสิงคโปร์เรามีการรวมตัวของสองกลุ่มใหญ่ในศาสนสถาน และยังมีชาวสิงคโปร์อีกจำนวนหนึ่งที่ได้ไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาในมาเลเซียซึ่งมีคนไปร่วมจำนวนมากก็โดนตรวจพบไวรัส แน่นอนว่าสาเหตุไม่ใช่เรื่องของศาสนาแต่เป็นเรื่องที่ไวรัสนี้สามารถแพร่ได้อย่างรวดเร็วในกิจกรรมที่มีผู้คนมารวมตัวกันอย่างหนาแน่นต่างหาก นั่นคือเหตุผลที่ทางซาอุดิอาระเบียประกาศยุติพิธีอุมเราะห์ชั่วคราว และสมเด็จพระสันตปาปาทำการไลฟ์สตรีมถ่ายทอดสดพิธีการเทศน์เพื่อมิให้ประชาชนมารวมตัวที่จตุรัสเซนส์ปีเตอร์ ผมหวังว่าคนสิงคโปร์จะเข้าใจว่าในช่วงนี้เรามีความจำเป็นจะต้องลดเวลาในการประกอบพิธีกรรมด้านศาสนาและลดการเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ขอความกรุณาท่านได้ปรึกษาหารือกับผู้นำศาสนาของท่านเพื่อปรับพิธีการทางศาสนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้วย

อาทิตย์หน้าอ่านต่อครับ

[smartslider3 slider="9"]