ชีวิตหลัง COVID-19 จะมีการเปลี่ยนแปลงสองระดับ ระดับแรกคือการเปลี่ยนไปมีวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal เช่น การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่างตลอดเวลา ฯลฯ ส่วนระดับสองคือ COVID-19 ซึ่งความจริงไม่ได้เปลี่ยนแปลงโลก แต่มัน “เร่งสปีด” ให้โลกก้าวไปสู่ “ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” เร็วยิ่งขึ้น หลัง COVID-19 ผ่านพ้น ขอแนะนำให้ใช้วิธี “หนามยอกเอาหนามบ่ง” โดยใช้ COVID เป็นแนวคิดเพื่อการเตรียมตัวให้เป็นผู้ชนะ
C : Connected คือความเชื่อมโยง ปัจจุบันโลกทั้งใบเชื่อมโยงกันอย่างมาก ทั้งการสื่อสาร การท่องเที่ยวเดินทาง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมหรือแม้แต่โรคระบาด ทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นและรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงต้องติดตามข่าวสาร เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของโลกให้ตลอดเวลา สื่อมวลชนและนักวิชาการจะต้องช่วยประชาชน SMEs และรัฐบาลให้เชื่อมโยงกับโลก เพราะการตัดสินใจของประเทศใดประเทศหนึ่งหรืออินโนเวชั่นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงโลกไปได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ รถไฟฟ้า ความก้าวหน้าทางไบโอเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นเราก็ต้อง Connected กับโลก นอกจากนี้ควรเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงและแสวงหาประโยชน์ร่วมกันกับอาเซียนให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญต้องไม่ลืมเรียนรู้ที่จะอยู่ ทำงานและทำธุรกิจกับคนต่างเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมและความเชื่อ อย่างเต็มใจและมีความสุข
O : Opportunity is Everywhere คือโอกาสมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เช่นโอกาสในการเรียนรู้ทุกเวลา โอกาสในการคิดค้น Innovation ใหม่ๆ โอกาสในการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เราจะต้อง “รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต” ให้ความสนใจในการฝึกอบรมทักษะใหม่ (Reskill) และการเพิ่มทักษะใหม่ (Upskill) อย่างต่อเนื่องและต้องพยายามแสวงหาโอกาสทุกเวลา เพราะโอกาสนั้นมีอยู่ทุกหนแห่งและมีอยู่เสมอหรับผู้ที่พร้อมกว่าและมองหา ที่สำคัญจะต้องเรียนรู้ที่จะ “ฝึกฝน” การมีความคิดสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบให้เป็น ตัวอย่างเช่นหลังจาก COVID-19 ผ่านพ้น คนไทยคงไปเที่ยวต่างประเทศน้อยลงเช่นเดียวกับคนต่างประเทศก็คงจะมาเที่ยวไทยน้อยลง ผู้ประกอบการ SMEs จะสามารถคว้าโอกาสจากคนไทยเที่ยวเมืองไทยกันได้หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความคิดสร้างสรรค์ที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะมี
V : Value คือคุณค่า ซึ่งเป็นคำที่สำคัญมากเพราะคุณค่าช่วยทำให้เราค้นพบเป้าหมายของชีวิต ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในสถาการณ์ต่างๆ ทำให้เรารู้ว่าในชีวิตเราต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ทำให้เราเลือกสาขาที่จะเรียนและเลือกอาชีพได้อย่างถูกต้อง รู้ว่าตัวเองเชื่ออะไร รู้ว่าอะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญกับเรา รู้ว่าอะไรคือความสุขและความภูมิใจของเรา ในยุคหลัง COVID-19 โลกจะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วยิ่งขึ้นอีก ดังนั้นการว่า “คุณค่า” อะไรที่เราต้องการจะทำให้เราสามารถตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ในระดับองค์กรก็ต้องกำหนดค่านิยมหลัก (Core Value) ให้ชัดเจน พนักงานทุกคนเข้าใจร่วมกัน บริษัทที่ประสบความสำเร็จในโลกล้วนแต่มีค่านิยมหลักชัดเจนทั้งสิ้น ในระดับชาติค่านิยมหลักของชาติก็ต้องมีความชัดเจนเช่นกัน ต่อจากนี้ไปน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยเราจะได้ร่วมกันกำหนดค่านิยมหลักของชาติเราร่วมกัน
I : Integrated คือการหลอมรวม หลัง COVID-19 ผ่านไป เราจะก้าวไปสู่โลกที่ทุกอย่างเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันชนิดที่ยากจะแยกออก เพราะเราจะก้าวเข้าสู่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ยุคที่บูรณาการสหวิทยาการซึ่งจะทลายพรมแดนทางด้านกายภาพ ดิจิทัลและชีวภาพของสิ่งต่างๆลง มนุษย์ในยุคนี้จะใช้ชีวิตร่วมกับหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ เดินทางด้วยรถยนต์ไร้คนขับ เทคโนโลยียูบิควิตัส (เทคโนโลยีที่คนเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และสามารถสื่อสารได้ทุกที่ทุกเวลา) Internet of Things และ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ผู้ชนะในยุคนี้จะต้องทำแบบแจ็คหม่า แห่งอาลีบาบา ซึ่งใช้สองยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจจนยิ่งใหญ่คับโลกคือการมีหุ้นส่วน (Partnership) และขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven)
D : Defacto คือการยอมรับความเป็นจริง การยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงซึ่งคนเราไม่ได้รู้หรือเก่งไปหมดทุกเรื่อง คนเราล้วนมีเรื่องไม่เก่งมีจุดด้อย สิ่งสำคัญก็คือต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้เสียก่อน ต่อมาก็ต้องฝึกฝนการมองโลกแง่บวกซึ่งต่างไปจากการมองโลกสวย และเราต้องพัฒนาแนวคิดให้เป็นแบบ Growth Mindset ที่เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ นั่นหมายความว่าแม้เราจะไม่รู้ไม่เก่งพอแต่เราก็สามารถพัฒนาตนเองให้เก่งให้รู้ได้
หากทำ COVID ทั้งหมดตามข้างบนได้ เราก็จะเป็นผู้ชนะในยุคหน้าที่ COVID-19 ผ่านพ้นไป