บรูไนนั้นเป็นประเทศเดียวใน AEC ที่ปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เหมือนไทยเราในอดีต พระมหากษัตริย์ คือสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาเลาะห์
ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษาพอดีและมีพระราชพิธีสวนสนาม ผมเลยโชคดีได้ไปชม พระบารมีด้วย สถานที่จัดการสวนสนามนั้นเป็นสนามกีฬาที่มีอัฒจรรย์สองฝั่ง ตอนที่ผมเดินไปถึงนั้นเป็นเวลาก่อน 8 โมงเช้าก็ปรากฎว่าแขกที่ได้รับเชิญทั้งจากในและต่างประเทศนั่งกันเต็มอัฒจรรย์เต็มไปหมดแล้ว ผมแกล้งเดินเข้าไป ตรงทางเข้าแล้วก็ถามเจ้าหน้าที่ตรงนั้นว่าจะขอเข้าไปถ่ายรูปหน่อย เจ้าหน้าที่ก็ตอบด้วยความสุภาพเรียบร้อยอย่างยิ่งว่า “ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถอนุญาตให้ผมเข้าไปข้างในได้ เพราะอนุญาตให้เข้าเฉพาะผู้มีบัตรเชิญเท่านั้นแต่ผม สามารถยืนดูข้างนอกและถ่ายภาพได้ตามสบาย” ที่น่าอะเมซิ่งก็คือท่าทีของเจ้าหน้าที่นั้นสุภาพจริงๆ ดูเป็นมิตรไม่มี ท่าทางใหญ่โตวางอำนาจ น่ารักดี
ผมจึงเดินมาทางข้างๆสนาม ซึ่งมีรั้วโปร่งๆสูงราวๆ 150 เซนติเมตรเท่านั้นซึ่งทำให้ผม คนบรูไนและนักท่องเที่ยวที่มารอ เฝ้าชมพระบารมีสามารถชื่นชม ถ่ายภาพถ่ายวิดิโอได้แบบสบายๆ ด้วยความที่ผมตั้งใจจะไปถ่ายเป็นวิดิโอเพื่อเอากลับมา ทำรายการและเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆของผม ผมจึงสะพายกระเป๋าใบใหญ่เลยเพราะมีอุปกรณ์ค่อนข้าง เยอะ แต่ก็น่าอะเมซิ่งเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดขอตรวจกระเป๋าหรือตัวผมเลย ทั้งๆที่ผมยืนอยู่ชิดรั้วโปร่งๆเลย ผมเห็นแต่ เจ้าหน้าที่ยืนอยู่รอบๆห่างๆ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีซีเรียสเรื่องความปลอดภัย แต่ดูเหมือนเดินไปเดินมาเพื่ออำนวยความสะดวก มากกว่า แถมตอนที่พระองค์ท่านและราชวงศ์เสด็จมาถึง เจ้าหน้าที่ก็เอารถพระที่นั่งมาจอดบนถนนถัดจากรั้วที่ผมอยู่ เพียงไม่กี่เมตร ใครอยากมาถ่ายรูปรถพระที่นั่งก็สามารถเดินเข้าไปถ่ายได้สบายๆ ใครอยากจะเข้าไปยืนแอ็คท่าสวยๆ ถ่ายรูปข้างรถพระที่นั่งก็ทำได้สบายๆ เจ้าหน้าที่ไม่ว่าอะไรเลย น่าอะเมซิ่งมาก
เมื่อพิธีสวนสนามเริ่ม พสกนิกรบรูไนและนักท่องเที่ยวอย่างพวกผมก็ยืนชมอย่างตื่นตาตื่นใจ ด้วยความเข้มแข็งและเป็น ระเบียบของการสวนสนาม ของทหารชายและหญิง แต่แล้วทุกคนต่างก็ยิ้มออกมาเมื่อวงดุริยางค์บรรเลงเพลง “Happy Birthday” เพื่อการสวนสนาม
เมื่อการสวนสนามเสร็จ สมเด็จพระราชาธิบดีก็ทรงเดินตรวจแถวและประทับยืนบนรถพระที่นั่งเวียนไปรอบๆเพื่อตรวจ แถวสวนสนาม และเสด็จผ่านรั้วที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่ในระยะห่างไม่ถึง 10 เมตรเท่านั้นเอง นับเป็นโชคดีของผมอย่างยิ่ง ที่น่าอะเมซิ่งก็คือระหว่างที่ท่านประทับรถพระที่นั่งผ่านคนที่มาชมพระราชพิธีนั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะซีเรียสหรือ เอาจริงเอาจังเรื่องการรักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด พวกเขาก็ยังยืนอยู่ข้างหลังพวกเราในระยะห่างๆเหมือนเดิม
เมื่อพระราชพิธีเสร็จสิ้นลง เจ้าหน้าที่ก็ทะยอยเดินออกมาจากสนาม เมื่อเขาเห็นผมยกกล้องขึ้นจะถ่ายรูป เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ก็จะยืนให้ผมถ่ายรูปอย่างเต็มใจและยิ้มแย้มแจ่มใส
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับคนบรูไนหลากกลายอาชีพ แต่ทุกคนล้วนมีความเห็นเดียวกันต่อสมเด็จพระราชาธิบดีคือพวกเขา รักพระมหากษัตริย์ของพวกเขาเป็นอย่างยิ่งและพร้อมจะทำตามที่อย่างที่พระองค์ท่านตรัส เหตุผลสำคัญที่หลายคนบอก ผมตรงกันก็คือคนบรูไนเขามีความเป็นอยู่ที่มีความสุข ชีวิตความเป็นอยู่มีความสะดวกสบาย มีสวัสดิการดี ตั้งแต่เกิดจน ตาย เรียนฟรี รักษาพยาบาลฟรี น้ำไฟฟรี ภาษีไม่ต้องเสีย ประเทศชาติปลอดภัยไม่มีขโมย ไม่มี อาชญากรรมร้ายแรง คนบรูไนจึงมีความมั่นคงในชีวิต จิตใจดีงาม มีอัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว
ที่น่าอะเมซิ่งก็คือคนบรูไนบอกให้ผมวางกระเป๋าเดินทางไว้ที่ท่าเรือที่มีคนเดินทางพลุกพล่านเพื่อที่พวกเราจะได้ไปเดิน เล่นกันแบบตัวเบาๆ พวกเราคนไทยค่อนข้างจะกังวลเพราะกระเป๋าบางใบนั้นเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง มองผ่านๆ ก็รู้ว่าแพง ถ้าวางไว้ไม่ว่าจะที่ไหนก็มีโอกาสหายอย่างแน่นอน แต่เมื่อคนบรูไนรับประกันกับพวกเราว่าไม่หายแน่นอน พวกเราจึงตัดสินใจวางกระเป๋าไว้ที่ท่าเรือเพื่อไปเดินเล่น หนึ่งชั่วโมงผ่านไปพอเรากลับมากระเป๋าก็ยังวางอยู่ที่เดิมอย่างน่า อะเมซิ่ง ประเทศและผู้คนของเขาน่ารักขนาดนี้ถ้ามีโอกาสลองไปเที่ยวบรูไนดูนะครับ