Amazing AEC – เมียนมาน่าเป็นห่วง

0
657


การระบาดระลอกสองของโควิด-19 ในเมียนมาคราวนี้หนักหนาสาหัสมาก จากผู้ติดเชื้อเพียงแค่สามร้อยคนเศษๆในช่วงเดือนสิงหาคมซึ่งติดเชื้อน้อยกว่าไทย แต่เช้าวันศุกร์ขณะกำลังเขียนบทความ ผู้ติดเชื้อในเมียนมากลับพุ่งสูงถึง 8,344 คน เสียชีวิตไปแล้ว 150 คน และมีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงทะลุ 15,000 คนภายในปลายเดือนนี้
การระบาดรอบสองครั้งนี้ น่าจะส่งผลเสียกับชีวิตผู้คนในเมียนมามากพอสมควรเพราะความพร้อมของระบบสาธารณสุขของเขายังไม่ดีพอที่จะรองรับการระบาดขนาดหนักเช่นนี้ได้
คนไทยเราอยู่ใกล้ชิดกับเมียนมามากแต่คนไทยเรากลับรู้จักประเทศและคนของประเทศนี้น้อยมาก แถมตอนเรียนหนังสือเรายังสอนให้เด็กรู้สึกไม่ชอบประเทศนี้ยิ่งนักเพราะเราเน้นการที่เขารุกรานประเทศเรา มาเผาบ้านเผาเมืองเผาเจดีย์ เอาทองบ้านเราไปสร้างเจดีย์บ้านเขา
ประวัติศาสตร์นั้นประเทศไหนเขียนก็เขียนเอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าประเทศอื่น ประเทศที่อยู่ใกล้ชิดมีชายแดนติดกัน เรื่องทะเลาะเรื่องแก่งแย่งดินแดนแก่งแย่งทรัพยากรธรรมชาติและผู้คนก็มีกันทุกประเทศเป็นเรื่องธรรมชาติในอดีตกาล อย่าว่าแต่ทะเลาะหรือแก่งแย่งกับประเทศติดกันเลย ภายในประเทศที่มีหลายก๊กหลายเหล่า หรือหลายชนเผ่าแบบเมียนมาก็ยังทะเลาะกันเองเลย
คนเมียนมานั้นเนื้อแท้แล้วเป็นชาวพุธตัวพ่อ ที่มีชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมความเชื่อและวิถีชีวิตผูกพันกับพุทธศาสนายิ่งนัก วันธรรมดาเมื่อมีเวลาว่างคนเมียนมาก็จะไปไหว้เจดีย์ ไหว้พระและใช้เวลานั่งพูดคุยกันในบริเวณเจดีย์หรือวัดนั้นๆ เหมือนคนไทยไปเดินเล่นนั่งเล่นตามห้างสรรพสินค้า เมื่อถึงวันพระคนเมียนมาจะไปทำบุญและฟังเทศน์กันที่โรงธรรมะซึ่งรัฐบาลสร้างไว้ให้ในทุกหมู่บ้านและคนเมียนมาจำนวนไม่น้อยก็จะถือศีลแปดศีลสิบกันในวันพระนี้
ในช่วงเข้าพรรษาคนเมียนมาส่วนมากก็จะถือศีลและกินเจกันตลอดพรรษา ในช่วงนี้เขาจะไม่จัดงานมงคลไม่ขึ้นบ้านใหม่ ไม่แต่งงานและจะไม่จัดงานบุญที่ต้องนิมนต์พระมาสวดหรือทำอะไรทั้งสิ้น เหตุผลก็มีเพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการจะรบกวนเวลาที่พระ สงฆ์ควรจะศึกษาพระธรรมในช่วง เวลาเข้าพรรษานั่นเอง และวันทอดกฐินนี่ถือเป็นงานใหญ่ในชีวิตคนเมียนมาซึ่งจะต้องหาทางกลับบ้านเกิดเพื่อไปร่วมงานทอดกฐินให้ได้
เนื่องจากต้องอั้นงานมงคลงดงานฉลองกันมาสามเดือนเต็มตลอดช่วงเข้าพรรษา เมื่อถึงวันออกพรรษา ธุรกิจในเมียนมาจึงพร้อมใจกันจัดงานเซลส์สุดยิ่งใหญ่ประจำปี “ตะดิงจุ๊ดเซลส์” ใหญ่ยิ่งกว่างานเซลส์ใดๆ ใหญ่กว่างานเซลส์ในช่วงคริสต์มาสหรือปีใหม่ที่ประเทศอื่นๆชอบจัดกัน
เขียนมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะบอกว่าคนเมียนมานั้นเป็นพุทธตัวพ่อที่คนไทยควรจะรักกับเขาได้แบบเต็มที่ แต่เพราะประวัติศาสตร์ที่เราเขียนเอาไว้แบบเราดีเขาไม่ดี เลยทำให้เรารู้สึกรังเกียจและไม่อยากจะรักเขา ซึ่งน่าเสียดายอย่างยิ่ง
ส่วนฝั่งเมียนมานั้น เขากลับไม่เขียนไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเราเคยทะเลาะหรือเราเคยรบกัน ดังนั้นคนเมียนมาจึงโตมาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากคนไทย แต่รู้สึกว่าพวกเราเป็นชาวพุทธเหมือนกัน รู้สึกผูกพัน อยากรู้จักอยากทำมาค้าขายด้วย ยิ่งในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาเมียนมาตกอยู่ภายใต้เผด็จการและความขัดแย้งจนประเทศชะงักงัน หยุดพัฒนาไปช่วงใหญ่ๆ ขณะที่ไทยไม่มีปัญหาดังกล่าวเราจึงพัฒนาไปได้ไกลกว่ามากพอสมควร แทนที่คนเมียนมาจะอิจฉาเขากลับคิดว่าประเทศไทยคนไทยโชคดีจังเลยที่ประเทศและคนพัฒนาไปได้ดีมากๆ อยากทำมาค้าขายด้วย
ใครยังไม่เคยไปเมียนมาและยังมัวแต่ฝังใจกับประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนมา ผมแนะนำว่าเมื่อโควิด-19 หยุดระบาด ลองหาโอกาสไปเที่ยวเมียนมา ไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คน ไปไหว้พระ ไปแล้วจะหลงรักเมียนมา
วันนี้เมียนมากำลังเผชิญปัญหาหนัก ขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันตนเองอย่างหนัก ผมขอเชิญชวนผู้อ่านร่วมกันบริจาคสิ่งของหรือเงินให้กับเมียนมาผ่านสภาธุรกิจไทย-เมียนมา โทรศัพท์ 02-345 1131 หากต้องการจะบริจาคเป็นอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันตนเองก็สามารถเอาไปบริจาคที่ร้านหนังสือซีเอ็ดได้ทุกสาขา หรือเอาไปบริจาคที่เคาน์เตอร์นกแอร์ได้ตามสนามบินทั่วประเทศ เพื่อจะได้รวบรวมและจัดส่งไปให้เมียนมาถึงชายแดนแม่สอดด้วยนกแอร์ซึ่งยังบินไปที่นั่นทุกวัน

[smartslider3 slider="9"]