อาทิตย์ที่แล้วผมบอกว่ามีหลายประเทศใน AEC ที่พอได้ผู้นำใหม่ที่มือสะอาดจริง แม้ประเทศจะมีคอรัปชั่นหนักแค่ไหนก็ สามารถแก้ได้ เรื่องที่สองที่นายกฯใหม่ควรจะให้ความสนใจคือการเขียนยุทธศาสตร์ให้ดีแบบลีกวนยูเขียนให้สิงคโปร์
แม้ว่าไทยเราจะมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีกันแล้ว แต่ผมขอยืนยันตรงนี้อีกทีเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่เขียนแบบถูกต้องตามหลักยุทธศาสตร์ที่ประเทศพัฒนาแล้วเขาเขียนกัน ซึ่งเรื่องนี้ผมได้เตือนมาตั้งแต่ไทยเรายังไม่มียุทธศาสตร์ มีแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งคนไทยส่วนมากเข้าใจว่ามันคือยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อผมบอกว่าแผนสภาพัฒน์ฯนั้นไม่ใช่ยุทธศาสตร์คนไทยเลยงงว่าจะเป็นไปได้หรือ จนกระทั่งปีพ.ศ. 2558 ซึ่งอดีตเลขาฯ สภาพัฒน์ฯออกมายอมรับว่าเรื่องยุทธศาสต์นั้นเป็นเรื่องใหม่ในการบริหาราชการแผ่นดิน สังคมไทยเลยเริ่มตระหนักว่า สิ่งที่ผมเตือนเรื่องไทยเราไม่มียุทธศาสตร์นั้นเป็นความจริง
แต่พอเห็นคณะที่ทำงานด้านยุทธศาสตร์ซึ่งก็คือคนหน้าเดิมๆที่ช่วยกันเขียนแผนสภาพัฒน์ฯมากันนมนาม ซึ่งพอประกาศ ออกมายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากแผนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสิบสองฉบับที่เราเคยเขียนกันมาโดยตลอด นับเป็นโชคร้ายเพราะจนบัดนี้คนรับผิดชอบและรัฐบาลไทยก็ยังไม่เข้าใจเสียทีว่า “ยุทธศาสตร์ที่ดี” นั้นเขียนควรอย่างไร?
ดังนั้นนายกฯคนใหม่ต้องตั้งหลักให้ถูก และต้องรีบให้ทีมงานไปดูว่าประเทศที่เขาสามารถพัฒนาประเทศได้แซงหน้า เราไปแล้ว เช่นสิงคโปร์ มาเลเซีย หรือประเทศที่กำลังจะแซงเราในเวลาอันใกล้เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เขาเขียนยุทธศาสตร์แตกต่างกับเราอย่างไร? หรือจะไปดูยุทธศาสตร์เวียดนามก็ได้ เพราะภายใน 30 ปีข้างหน้าเขาจะชนะเราใน ทุกๆด้าน หลังจากที่ยุทธศาสต์ปฏิรูปการศึกษาของเขาทำให้เด็กเวียดนามเก่งกว่าเด็กไทยไปแล้ว
ยุทธศาสตร์ปลอมๆทำให้เราไม่มี “ตำแหน่งประเทศที่ชัดเจน” ส่งผลให้ประเทศซึ่งมีงบประมาณจำกัด ใช้เงินอย่างสะเปะ สะปะเป็นเบี้ยหัวแตก ประเทศเลยขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ขาดบุคลากรที่มีความสามารถสอดคล้องกับตำแหน่ง ทางการแข่งขันของประเทศ ต่างชาติไม่เข้ามาลงทุน เศรษฐกิจไม่เติบโต และเมื่อรวมเข้ากับการคอรัปชั่นที่ไม่ตั้งใจปราบ กันเสียที งบประมาณประเทศที่ใช้ไปในจุดที่ไม่ควรใช้ยังโดนโกงเสียอีก ไทยจึงติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางและ อีกหลายๆกับดักอย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
ในมุมโชคร้ายไทยยังมีโชคดี เพราะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแม้จะเขียนอยู่ในรูปแบบกฎหมายตายตัวแถมบังคับให้ทุกฝ่าย ต้องทำตามแบบไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกันนั้น แต่ด้วยการเขียนยุทธศาสต์ชาติแบบเขียนแผนสภาพัฒน์ฯ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีก็เลย กว้างเคว้งคว้าง ใครทำอะไรก็ถูกหมด ใครสามารถคิดหรือทำอะไรนอกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของไทยได้น่าจะ เป็นคนที่คิด นอกกรอบได้แบบหลุดโลกจริงๆ
ดังนั้นนายกฯคนใหม่และรัฐบาลใหม่ ก็เพียงแค่ตั้งหลักให้ถูก เลือกตำแหน่งประเทศที่ถูกต้องให้เป็น ถ้าเราได้นายกฯและ ทีมงานหน้าเดิม คนไทยก็ต้องช่วยกันอธิษฐานให้นายกฯเลือกทีมงานด้านยุทธศาสตร์ใหม่มาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ ไม่เช่นนั้นไทยเราจะไปไม่รอดเลยทีเดียว กลับตัวตอนนี้ยังพอทัน (เริ่มอธิษฐานตอนนี้ได้เลย)
อีกเรื่องที่นายกฯคนใหม่ต้องเร่งทำควบคู่ไปกับการปราบคอรัปชั่น การเขียนยุทธศาสตร์ประเทศใหม่ก็คือการสร้างความ ปรองดองให้เกิดขึ้นให้จงได้ ผลการเลือกตั้งแม้จะยังไม่เป็นทางการแต่ก็พอเห็นแล้วว่าสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันอย่างหนัก นั้น ได้รับความนิยมสูสีกัน แต่ความแตกแยก ความเกลียดชังระหว่างกันและกันได้ลามปามไปในทุกภาคส่วน ลามไปถึงคน ในทุกระดับชั้น มีการใช้ Hate Speech กันอย่างรุนแรงและน่ากลัว ฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็เลวก็โกงไปเสียทั้งหมด ถ้านายกฯ ใหม่ไม่สามารถพาไทยก้าวข้ามความขัดแย้งและเกลียดชังครั้งนี้ไปได้ เห็นทีไทยเราจะแย่แน่ๆ *