Amazing AEC – ไหว้พระนอนในเมียนมา

0
601

อาทิตย์นี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปไหว้พระนอน 2  องค์ในเมียนมากันนะครับ พระนอนองค์แรกนี่มีชื่อที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “พระนอนตาหวาน” แต่ความจริงชื่อทางการของท่านคือ “พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจี Chauk Htat Gyi” ผมสะกดภาษาเมียนมาเอาไว้ให้ด้วยท่านจะได้จดเอาไว้ไปบอก คนเมียนมาได้ถูกว่าอยากจะไปกราบพระนอนองค์นี้ พระนอนตาหวานนี้อยู่ที่ “หยั่นโกว่น” หรือ “ย่างกุ้ง” นะครับ แม้ว่าพระนอนองค์นี้จะยังใหม่อยู่คือมีอายุประมาณ  50 ปีแต่ก็ถือเป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ที่ใหญ่ที่สุด ยาวเกือบ 70 เมตรและมีความงดงามที่สุดของเมียนมาเลยทีเดียว

ลักษณะเด่นของพระนอนตาหวานอยู่ที่ใบหน้าอันงดงามตามแบบศิลปะของเมียนมา ปากสีชาด เปลือกตาสีฟ้า ขนตางอน และยาว ส่วนคิ้วนั้นก็โก่งรับกันได้พอดีกับดวงตาที่หวานคมเป็นพิเศษ เพราะดวงตานั้นเป็นแก้วที่สั่งผลิตเป็นพิเศษตรง จากประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ลายจีวรของพระนอนตาหวานก็งดงามเพราะทำได้ไหวพริ้วดูสมจริงมากๆ เมื่อเดินมาทางปลายเท้าเราก็จะได้เห็นภาพมงคล 108 ประการที่แกะสลักไว้อย่างงดงามไว้ที่ฝ่าเท้า งามขนาดที่แทบจะทุกคนที่เข้ามากราบจะต้องอดใจไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้เลยทีเดียว ตอนหลังทางวัดก็เลยต้องทำเป็นมุมไว้ให้ถ่ายรูปโดยเฉพาะกันเลย พระนอนอีกองค์ที่ควรจะหาโอกาสไปไหว้ก็คือ “พระนอนยิ้มหวาน” ซึ่งอยู่ที่เมือง “ฮันด่ะหว่ะดิ” หรือที่คนไทยเรียก “หงสาวดี” นั่นเองครับ พระนอนองค์นี้มีชื่อเป็นภาษาเมียนมาว่า “พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว Shwethalyaung Buddha” มีอายุเก่าแก่ถึง 1,200  ปีเป็นศิลปะแบบมอญสร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ ในอดีตมีอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งเมืองหงสาวดีถูกทิ้ง ให้ร้าง พระนอนยิ้มหวานก็เลยถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการดูแลที่เหมาะสม จนกระทั่งถึงปีพ.ศ. 2491 ที่เมียนมาได้รับเอกราช จึงได้มีการบูรณะพระนอนยิ้มหวานกันขึ้นมาใหม่ จนปัจจุบันได้กลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง ฮันด่ะหว่ะดิ คู่กับพระมหาเจดีย์ชเวมอดอร์

พระนอนยิ้มหวานนั้นมีความยาว 55 เมตรมีลักษณะเด่นก็คือปลายเท้าวางไม่เสมอกัน หมายความว่าเป็นพระนอนที่สร้างให้เหมือนกับพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่เป็นวันสุดท้ายก่อนที่พระองค์ท่านจะเสด็จปรินิพพานในวันรุ่งขึ้น ซึ่งลักษณะการวางเท้าแบบนี้เราจะไม่ค่อยได้เห็นกันมากนัก ที่มาของชื่อพระนอนยิ้มหวานก็คือ ปากของพระนอน องค์นี้ดูๆไปจะเหมือนกำลังยิ้มเล็กๆ ใบหน้าก็เลยดูเป็นพระที่มีความใจดีมีเมตตา คนไทยก็เลยตั้งชื่อให้เป็น พระนอนยิ้มหวานเสียเลย

คนเมียนมาเวลาเขาไปไหว้พระหรือไหว้เจดีย์ เขาไปไหว้ไปสวดมนต์กันเป็นหลักนะครับ ไหว้เสร็จสวดมนต์เสร็จก็จะ นั่งๆนอนๆเล่นต่อในบริเวณนั้น อยู่กันนานๆ เหมือนเราไปนั่งเล่นในสวนสาธารณะนั่นหล่ะครับ ที่น่าอะเมซิ่งก็คือคน เมียนมาไม่นิยมอธิษฐานหรือขออะไรจากพระหรือจากเจดีย์ เวลาอยากได้อะไรเขาจะไปขอจากผีหรือเจ้าที่เจ้าทาง เช่นเทพทันใจหรือเทพกระซิบแทน

ที่น่าอะเมซิ่งยิ่งกว่านั้นก็คือคนเมียนมาไม่นิยมพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนะครับ เขายึดหลักพุทธศาสนาแท้ๆ แต่ปัจจุบันในวัดในเจดีย์ทั้งหลายที่เราได้เห็นเครื่องรางของขลังวางไว้เต็มไปหมดนั้น ผมสอบถามดูแล้วได้ความว่ามี คนไทยบางกลุ่มไปสอนให้เขาทำจะได้เอาไว้ขายคนไทยที่ไปเที่ยวเมียนมา ส่วนพวกเขากันเองนั้นเขาไม่นิยม  แหม คนไทยด้วยกันแท้ๆ มาหลอกกันได้ลงคอ

[smartslider3 slider="9"]