PERSPECTIVE OF AEC – ดราม่าการเมืองฟิลิปปินส์

0
526

ผมไปสังเกตการการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์มาครับ มีดราม่าการเมืองหลายเรื่องอยากเขียนให้อ่านกันครับ

ในเรื่องการจัดการเลือกตั้งนั้น ที่นั่นเขาจัดกาเลือกตั้งทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในทุกระดับพร้อมๆกัน เช่น ประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี นายกเทศมนตรี ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ ก็เลือกทั้ง วุฒิสมาชิก ผู้แทนราษฎร และ ผู้แทนในสภาท้องถิ่น ตำแหน่งที่เลือกตั้งจึงมีเป็นหมื่นๆตำแหน่งเลยทีเดียว คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งก็เลย แนะนำให้ผู้มาใช้สิทธิ์เตรียมโพลล์คนที่ตัวเองคิดว่าจะเลือกติดมือมาด้วย ใกล้ๆคูหาก็เลยมีหัวคะแนนฝ่ายต่างๆ มายืนแจกโพยรายชื่อพรรคพวกของตัวเองให้ผู้มาใช้สิทธิ์ได้ถือเข้าไปในคูหาด้วย

เพราะตำแหน่งที่จะต้องเลือกมีมากมายและใบลงคะแนนก็ออกแบบมาสำหรับการใช้เครื่องอัตโนมัตินับคะแนน การเลือกตั้งที่นั่นจึงเหมือนการนั่งทำข้อสอบ คนมาใช้สิทธิ์เมื่อได้รับใบลงคะแนนซึ่งจะมีขนาดประมาณกระดาษ เอ 4 ก็จะมานั่งระบายในวงกลมหน้ารายชื่อต่างๆ บนเก้าอี้นักเรียน ภาพออกมาเลยดูเหมือนๆนักเรียนนั่งทำ ข้อสอบกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าใครจะควักโพยอะไรออกมาดูก็ได้ ไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เมื่อเลือกได้ครบ หน่วยเลือกตั้งจะมีปกแข็งๆเอาไว้ใส่ใบลงคะแนนเพื่อป้องกันไม่ให้กรรมการหรือคนอื่นๆเห็นว่าเราเลือกใคร เมื่อเดินไปจุดรับใบลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้ใช้สิทธิ์ก็จะถือเอาใบลงคะแนนที่มีปกแข็งปิดอยู่ แต่ใบลงคะแนนจะยาว กว่า ตอนหัวด้านบนก็เลยจะยื่นออกมามากพอที่จะให้เครื่องนับคะแนนอัตโนมัติดูดเข้าเครื่องไป ซึ่งเจ้าเครื่องที่ว่า นี้ก็จะหน้าตาคล้ายๆเครื่องแฟกซ์ที่ดูดกระดาษจากด้านหน้าที่เราเคยเห็นกันเมื่อก่อน

เมื่อเครื่องนับอัตโนมัติดูดเอาใบลงคะแนนเข้าไป เครื่องก็จะพิมพ์สลิปลงคะแนนที่มีลักษณะเหมือนใบเสร็จตาม ร้านสะดวกซื้อให้เราดูเพื่อตรวจสอบว่าตรงกับที่เราเลือกไปหรือไม่ เมื่อตรวจดูว่าถูกต้องแล้วเราก็ต้องเอาสลิป ลงคะแนนที่ว่าใส่กล่องไว้เป็นหลักฐาน เอากลับบ้านไม่ได้ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ถึงขั้นตอนนี้ก็มีจุดอ่อนตรงที่ว่า ถ้าสลิปที่พิมพ์ออกมาไม่ตรงกับที่ผู้ใช้สิทธิ์ได้เลือกเอาไว้ผู้ใช้สิทธิ์ไม่มีโอกาสแก้ไขอะไร แต่ต้องปล่อยให้เลย ตามเลย ในขั้นตอนนี้ถ้าผู้มาใช้สิทธิ์เป็นผู้พิการทางสายตาคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งก็จะเตรียมหูฟัง เอาไว้ฟังเครื่องอ่านให้ผู้พิการทางสายตาฟังว่าเขาได้เลือกใครไปบ้าง

พูดถึงผู้พิการแล้วต้องบอกว่าฟิลิปปินส์เขาดูแลผู้พิการ ผู้สูงอายุและคนชนเผ่าที่เป็นคนกลุ่มน้อยอย่างดี เริ่มตั้งแต่การจัดให้มีช่องทางพิเศษสำหรับการมาใช้สิทธิ์โดยไม่ต้องรอนานเหมือนคนทั่วไป รวมถึงการมีกฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งต้องเลือกหน่วยให้อยู่ชั้นล่างและต้องมีทางลาดเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุและผู้พิการได้เข้ามาถึงหน่วยเลือกตั้งได้อย่างสะดวก น่ารักดีครับ

เมื่อเครื่องอัตโนมัติอ่านการลงคะแนนเสร็จก็จะดูดเอาใบลงคะแนนไปเก็บไว้และส่งคะแนนผ่านระบบออนไลน์ ไปยังหลายๆเซิร์ฟเวอร์ทั้งเพื่อการนับคะแนน เพื่อความโปร่งใสและเพื่อสื่อมวลชน แม้จะเป็นการนับคะแนน ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงคะแนนไม่ได้ออนไลน์ตรงไปยังเซิร์ฟเวอร์ในทันที ด้วยเหตุผลต่างๆกัน จนทำให้ ผลการเลือกตั้งที่เป็นทางการนั้นออกมาช้าพอสมควร ขณะที่เขียนบทความนี้ผ่านไปนับสิบวันแล้วคะแนน ที่เป็นทางการก็ยังไม่ออกมา

การใช้เครื่องนับคะแนนอัตโนมัตินั้นฟิลิปปินส์ได้ทำมาสักระยะหนึ่งแล้ว การเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาก็ได้มี การใช้เครื่องดังกล่าว แต่ก็ยังมีปัญหาให้เป็นตั้งแต่ตอนนับคะแนนที่เครื่องนับร้อยไม่ทำงานในช่วงเวลาที่คนมา ใช้สิทธิ์ นอกจากนั้นก็ ยังมีเรื่องความสงสัยในเรื่องการรวมคะแนนว่าจะมีใครสามารถแฮ็คระบบเพื่อแก้ไข คะแนน ได้หรือไม่ ที่แน่ๆ ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปรากฎว่ามีแฮ้คเกอร์มือดีได้เข้าไปแฮ็ครายชื่อผู้มีสิทธิ์ เลือกตั้งจนเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วประเทศ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ออกมาแถลงข่าวว่าเรื่องดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลต่อการเลือกตั้งแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องแบบนี้คนชนะคงไม่สงสัยอะไรแต่คนแพ้คงต้องคาใจเป็นแน่แท้

การเลือกตั้งครั้งในฟิลิปปินศืนี่แปลกตรงที่เขาเปิดโอกาสให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานา ธิบดีแยกกันสมัคร ผู้มาใช้สิทธิ์ก็สามารถเลือกประธานาธิบดีและรองฯที่มาจากคนละทีมคนละพรรคได้ การเลือก ตั้งครั้งที่ผ่านมาฟิลิปปินส์ก็เลยได้ประธานาธิบดีกับรองฯที่มาจากคนละพรรค ดูจากคะแนนล่าสุดคราวนี้ ประธานาธิบดีกับรองฯก็ดูเหมือนว่าจะมาจากคนละพรรคอีกเหมือนเดิม

ดราม่ามันมาเกิดตอนการรายงานคะแนนนี่ล่ะครับ เพราะตั้งแต่เริ่มมีการรายงานคะแนน บองอบง ซึ่งเป็นลูกชาย อดีตประธานาธิบดีมาร์กอสและเป็นตัวเก็งคนหนึ่งที่จะได้เป็นรองประธานาธิบดีได้มีคะแนนนำเลนี่ โรเบรโด้ ตัวเก็งอีกคนหนึ่งซึ่งส่งเข้าประกวดโดยพรรครัฐบาลเป็นคะแนนนับล้านคะแนนในตอนหัวค่ำ จนดูเหมือน บองบองน่าจะชนะไปแล้ว สื่อมวลชนหลายแห่งก็เริ่มสัมภาษณ์ว่าที่รองประธานาธิบดีกันบ้างแล้ว แต่พอผ่าน เที่ยงคืนซึ่งบองบองและผู้คนส่วนมากก็ได้นอนหลับไปแล้ว ปรากฎว่าคะแนนโรเบรโด้พลิกกลับมาแซงเฉยเลย จนบองบองต้องออกมาโวยว่าโดนโกง

ตอนผมเดินทางไปถึงฟิลิปปินส์ใหม่ๆ มีคนฟิลิปปินส์เล่าให้ฟังว่าคอยดูนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ดูเตอร์เต้ ตัวเก็งน่าจะเอาชนะผู้สมัครจากพรรครัฐบาล มาร์ส โรฮาส ได้ไม่ยากเพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้จะทำทุก วิถีทางให้โรเบรโด้ชนะการเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดีให้ได้ เพราะในกฎหมายของฟิลิปปินส์นั้น ถ้าประธานาธิบดีเป็นอะไรไป คนเป็นรองฯจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน คนที่ผมคุยด้วยเล่าต่อว่า เมื่อดูเตอร์เต้ได้เป็นประธานาธิบดี คนฟิลิปปินส์ส่วนหนึ่งคิดว่ารัฐบาลคงหาทางขจัดเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งอาจจะเป็นได้ตั้งแต่การลอบสังหารจนถึงการหาทางถอดถอนในสภา เพื่อให้โรเบรโด้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

ตอนได้ฟังผมยังถามกลับว่าการเมืองฟิลิปปินส์จะดราม่าขนาดนั้นเลยเชียวหรือ เพื่อนฟิลิปปินส์ตอบผมว่าใน การเมืองฟิลิปปินส์นั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ และถ้าเรื่องที่เขาเล่านั้นมันจะเกิดขึ้นจริง คนฟิลิปปินส์ก็จะไม่แปลกใจ อะไร ดราม่าดีมั้ยครับ ตอนเช้ามืดที่ผมตื่นขึ้นมาและเห็นคะแนนโรเบรโด้พลิกกลับมาแซงบองบอง ก็เลยทำให้ ผมหวนกลับไปคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมา ที่ดราม่ามากกว่านั้นก็คือคนฟิลิปปินส์ส่วนหนึ่งที่ไม่เลือกบองบอง เพราะคิด ว่าเขาเป็นลูกชายของคนไม่ดีเช่นมาร์กอสนั้นไม่ควรได้มาเป็นรองประธานาธิบดีนั้นสมควรโดนคนดีๆเช่น โรเบรโด้และรัฐบาล “โกง” การนับคะแนน คนดีโกงคนไม่ดีได้ ไม่ผิด ดราม่ามาก

ที่ทำให้คนทั้งโลกแปลกใจก็คือทำไมคนฟิลิปปินส์นับสิบล้านคนเลือกบองบองทั้งๆที่ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้พ่อทำประเทศจากดาวรุ่งของเอเชียซึ่งในอดีตเคยเจริญและยิ่งใหญ่กว่าหลายๆประเทศรวมถึงประเทศไทยตกต่ำ จนปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจและรายได้เฉลี่ยของคนฟิลิปปินส์ต่ำกว่าประเทศไทย ทำจนจากดาวรุ่งกลายเป็น คนป่วยของเอเชีย และที่ทำให้ทั้งโลกแปลกใจยิ่งกว่าก็คือทำไมคนฟิลิปปินส์ถึงคลั่งไคล้ดูเตอร์เต้ ทั้งๆที่เขาเป็น นักการเมืองท้องถิ่นที่ปากคอจัดจ้าน พูดจาพาดพิงด่าทอใครต่อใครอย่างไม่เกรงกลัวอะไร กล้าด่าแม้กระทั่ง พระสันตะปาปา แต่คนฟิลิปปินส์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคาทอลิกก็ยังลงคะแนนให้เขา

[smartslider3 slider="9"]