Home Mix Magazine - Perspective of AEC 2017-2016 PERSPECTIVE OF AEC – พาชิมของอร่อยใน CLMV

PERSPECTIVE OF AEC – พาชิมของอร่อยใน CLMV

0
578
[smartslider3 slider="7"]

บ่อยครั้งมากที่เวลาผมไปบรรยายเรื่อง  AEC  ให้กับองค์กรต่างๆ ผมมักจะได้รับคำถามว่า อยากจะไปเที่ยวนะ CLMV นี่แต่ไม่รู้ว่ามีอาหารอะไรอร่อยบ้าง ฉบับนี้เลยจะขอพาชิมอาหารอร่อยใน CLMV กันหน่อยนะครับ

เริ่มกันที่ Cambodia หรือกัมพูชากันก่อน เวลาไปกัมพูชาตอนเช้าๆผมต้องหาโอกาสไปทานขนมปังฝรั่งเศส “บาแก็ตต์” ที่คนกัมพูชาเรียกว่า “นุมปัง” ที่ “ร้านทะมอดา” ซึ่งเป็นร้านอาหารเช้าเก่าแก่ มีชื่อเสียงและมีอาหารเช้า หลายอย่างให้เลือกทาน นุมปังของร้านนี้อร่อยเป็นเลิศ ผมว่าอร่อยที่สุดร้านหนึ่งในหลายๆประเทศที่ผมเคยเดิน ทางไปเลยทีเดียว จะทานนุมปังแบบใส่ไส้ต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมูยอ หมูเย็นหรือขาหมูก็อร่อยสุดยอดครับ หรือ จะทานกับสตูว์เนื้อที่ก่อนจะทานควรบีบมะนาวลงไปนิดเติมพริกอีกหน่อยก็อร่อยทีเดียว แต่ถ้าอยากซดอะไร ร้อนๆแบบก๋วยเตี๋ยวซึ่งคนกัมพูชาเรียก “กุยเตียว” ที่ร้านนี้ก็มีให้ทานทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวทะเล และที่กัมพูชาเขามีแปลกกว่าประเทศอื่นก็คือ “ก๋วยเตี๋ยวพนมเปญ” ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูบวกก๋วยเตี๋ยวทะเล เพื่อน ผมหลายคนเคยได้ชิมแล้วก็ติดใจทั้งสิ้น

ถ้าชอบทานลูกชิ้นปลา ผมอยากให้ไปลองทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาร้าน “ฮัวยิน” ในพนมเปญ ซึ่งผมไปทุกครั้ง ต้องหาโอกาสไปทานทุกครั้งเพราะลูกชิ้นปลาของเขาอร่อยจริงๆ ลูกชิ้นปลาของที่นี่สองสาวพี่น้อง “ฮัวยิน” เขา ทำกันเองอย่างพิถีพิถัน เมื่อมีคนสั่งแล้วจึงต้มลูกชิ้นใหม่ๆ เวลาเคี้ยวต้องใช้คำว่าเหนียวหนึบ ไม่มีกลิ่นคาวเลย นอกจากจะชอบไปทานที่ร้านแล้วผมยังชอบสั่งลูกชิ้นปลากลับมาทานต่อที่เมืองไทย ยิ่งเอามายำแซ่บๆแบบไทยๆ ด้วยแล้วยิ่งอร่อยใหญ่ เอาเป็นว่า ถ้าเคยทานลูกชิ้นปลาร้านนี้แล้วแทบจะไม่อยากทานลูกชิ้นปลาร้านอื่นๆอีกเลย

PERSPECTIVE OF AEC - พาชิมของอร่อยใน CLMV

ที่ต้องไม่พลาดเลยจริงๆ ในกัมพูชาคืออาหารฝรั่งเศส ในพนมเปญนี่มีร้านอาหารฝรั่งเศสอร่อยๆ หลายร้านเลย ที่ผมชอบก็มีร้านแวนส์ ร้านโทป๊าซและร้านเขมา ฝีมือการทำอาหารฝรั่งเศสในพนมเปญนั้นต้องบอกว่ายอดเยี่ยม ขนาดที่ร้านฝรั่งเศสแจ๋วๆ ในเมืองไทยทำอะไรไม่ได้เลยก็แล้วกัน ที่สำคัญนอกจากจะอร่อยแล้วยังราคาถูกกว่าใน เมืองไทยมาก และถ้าแวะร้านไวน์ซึ่งมีดีๆ อยู่หลายร้านเพื่อเลือกไวน์ที่ถูกใจติดไม้ติดมือไปด้วยจะยิ่งมีความสุข ยิ่งขึ้น เพราะไวน์ที่นั่นก็มีให้เลือกหลากหลายและราคาถูกกว่าบ้านเรามากเสียด้วย

ราคาอาหารในกัมพูชานี่เป็นเรื่องน่าอะเมซิ่งว่า ราคาในร้านอาหารข้างทางของเขาเช่นข้าวไก่ทอดข้าวหมูทอด หรือก๋วยเตี๋ยวต่างๆ นั้นราคาจะแพงกว่าเมืองไทยจนน่าตกใจ ข้าวไก่ทอดหมูทอดธรรมดาๆ จานหนึ่งต้องมีอย่าง น้อย 70 -80  บาท ก๋วยเตี๋ยวก็ต้องมี 80 บาทขึ้น แต่ถ้าไปทานในร้านดีๆมีแอร์เย็นสบาย ราคาอาจจะเพิ่มอีกแค่จาน ละ 10 -20 บาท หรือถ้าไปทานในร้านดีๆ หรูๆ ไปเลย ราคาจะกลับถูกกว่าเมืองไทย เวลาไปกัมพูชาทานแต่ร้านดีๆ จะคุ้มค่ากว่า

ส่วนอาหารกัมพูชาที่หลายคนอยากรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไรนั้น ต้องบอกก่อนเลยว่าเมนูอาหารกัมพูชานั้น อาหาร ไทยของเรา มีอะไรกัมพูชาเขาก็มีเหมือนกันหมด เพียงแต่รสชาตินั้นแตกต่างกันมาก เพราะอาหารกัมพูชานั้นรส ชาติจะออกนวลๆ ไม่เข้มข้นเหมือนอาหารไทย เวลาคนไทยเข้าไปทานอาหารกัมพูชาในร้านดังๆของเขาส่วนมาก จะบอกว่าไม่อร่อยเพราะรสชาติที่อ่อนเกินไปนั่นเอง  อย่าง “อาหม็อก” ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของเขาก็คือ “ห่อหมก” ของไทยนั่นเอง แต่อาหม็อกนิยมใช้ปลาเป็นชิ้นๆ เพราะปลาที่นั่นดีและอุดมสมบูรณ์กว่าของไทย เวลาทานอาหม็อกเราจะได้รสความหวานของเนื้อปลา แต่พวกรสชาติของเครื่องพริกแกงนั้นจะอ่อนมากๆ อาหารจานอื่นๆของกัมพูชาเช่นยำปลากรอบ แกง น้ำพริก ก็ล้วนแต่ รสชาติอ่อนๆจืดๆทั้งสิ้น คนไทยทานแล้ว จะไม่ค่อยชอบ แต่รสชาติที่ไม่จัดจนเกินไปกลายเป็นรสชาติที่ถูกใจคนต่างชาติที่ไม่สามารถทานอาหารรสจัดได้ ร้านกัมพูชาที่ทานแล้วมีรสชาติเข้มข้นก็พอมีอยู่คือร้าน “สะเหลิกทะหนอด” ที่แปลว่า “ใบตาล” ส่วนร้านที่นำ เสนออาหารได้สวยมาก รสชาติก็เข้มข้นกว่าร้านอาหารกัมพูชาทั่วไปก็คือร้าน “ Kravan : กระวาน”

จากกรุงพนมเปญลองเปลี่ยนไปหาอาหารอร่อยในกรุงเวียงจันทน์กันดูบ้าง ร้านแรกที่อยากให้ไปลองทานคือ “ร้านลาว-หลวงพระบาง” ชื่อมีคำว่าหลวงพระบางแต่ร้านอยู่ในเวียงจันทน์ หลังพระธาตุหลวง จานเด็ดของ ร้าน นี้คือ “ตำหมากหุ่งหลวงพระบาง” หรือส้มตำหลวงพระบางที่อร่อยอย่างน่าอะเมซิ่ง วัตถุดิบหลักต้องส่งตรงมา จากหลวงพระบางเช่น “เขือเผาะ” มะเขือเปราะ มะเขือสีม่วงอ่อน กรอบสุดๆแถมหอมอีกด้วย อีกอย่างคือ “น้ำปู” ซึ่งทำจากปูดองเคี่ยวปรุงรสหน้าตาคล้ายๆกะปิแต่สีเข้มกว่า กลิ่นปูดองโชยหอมมาเลย อีกอย่างคือ “ปลาร้าหลวง พระบาง” ซึ่งกลิ่นดีมากไม่แรงเหมือนปลาร้าทั่วไป และ “หมากเผ็ด” หรือพริก แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของส้มตำ หลวงพระบางคือเส้นมะละกอที่ไม่ได้สับแต่หั่นเป็นเส้นแบนบางๆเหมือนริบบิ้น หรือคล้ายๆเส้นเฟตตูชินีของ อิตาลีนั่นเองตำหมากหุ่งหลวงพระบางนั้นรสชาติจัดจ้านเผ็ดใช้ได้เลยแถมเข้มข้นด้วยน้ำปูและหอมน้ำปลาร้า หลวงพระบางซึ่งกลมกลืนเข้ากันได้อย่างดีกับเส้นมะละกอและมะเขือเปราะกรอบๆ “ร้านลาว-หลวงพระบาง” ยังมีอาหารแปลกๆหลายจานที่ควรจะลองชิม เช่น “ไคแผ่น” สาหร่ายน้ำโขงปรุงรส สั่งปุ๊บทอดปั๊บทานกับ “แจ่ว หลวงพระบาง” ซึ่งอร่อยอย่าบอกใคร หรือ “อั่วสีไค” และ “เอาะหลาม หลวงพระบาง” ทั้งแปลกทั้งอร่อย แต่ถ้า ชอบทานผักผมแนะนำให้ลอง “เมี่ยงปลาแดก” ที่ทานปลาเผากับผัก นับสิบชนิดและน้ำแจ่วที่ทำจากปลาร้าเคี่ยว กับมะขามเปียก อร่อยมากๆ

อีกร้านในเวียงจันทน์ที่ผมชอบมากก็คือ “ร้านเข้าจี่ปาเต้ นางซ้อย” อยู่ที่ถนนด่งปาลานใกล้กับประตูชัย ซึ่งขาย “เข้าจี่” หรือบาแก็ตต์ ขนมปังฝรั่งเศสสุดอร่อย ก่อนขายทางร้านจะอุ่นเข้าจี่ให้ร้อนๆด้วยการเอามาปิ้งกับเตาถ่าน จนกรอบนอกนุ่มในแล้วทา “ปาเต้” หรือตับบดสไตล์สปป.ลาว ทามาการีน แล้วใส่เครื่องแบบล้นเข้าจี่ด้วย แตงกวาดอง แตงกวาสด ซอสพริก มะละกอดอง พริก หมูยอ หูหมู หมูแดง ซอสปรุงรส โรยด้วยหอมป้อม (ผักชี) ปิดท้ายหมูหยอง เวลาทานต้องอ้าปากให้กว้างสุดชีวิตเพราะจะได้ทานเครื่องทุกอย่างได้ครบ ผมรับรองว่าอร่อย มาก แต่ไปร้านนี้ต้องยืนทานนะครับเพราะเขาไม่มีที่นั่ง ให้ซื้อกลับอย่างเดียวซึ่งถ้าไปเราจะเห็น คนขับรถหรือ ขี่มอเตอร์ไซค์มาซื้อกันไม่ขาดสาย ผมแนะนำให้ยืนทานหน้าร้านเลย ทำเสร็จใหม่แล้วทานเลยจะอร่อยมาก ราคาก็ไม่แพงเพราะเข้าจี่ขนาดกลางใส่ไส้ทุกอย่าง ขายชิ้นละ 90 บาท ทานกันได้สามคนอิ่มกันครึ่งวันเลย

อีกร้านที่ควรไปทานคือ “ร้านเข้าปุ่นน้ำแจ่วนางคำพัด บ้านสีลำดวน” ซึ่งเปิดตั้งแต่เช้า หน้าร้านจะมีโต๊ะวางถาด ใส่เครื่องในหมูสารพัดอย่าง เราเดินเข้าไปเลือกเอาเลยว่าอยากจะทานอะไร จะทานกี่ชิ้นก็เลือกใส่ชาม ทางร้านก็ จะเอาไปหั่นแล้วเอาไปใส่ชามที่ใส่ “เข้าปุ่น” หรือขนมจีนและผักไว้แล้วราดด้วยน้ำซุปร้อนจัดที่ใส่น้ำปลาร้าไว้ ด้วย ก่อนทานบีบมะนาวใส่พริกหน่อยใส่ผักซึ่งมีให้เลือกหลายอย่างทั้งถั่วงอก หัวปลี หน่อไม้ มะละกอดิบ ผักบุ้ง เติมตามใจชอบ ร้านนี้ทำเครื่องในได้ดีมากไม่มีกลิ่นคาวเลยและลวกได้พอดีๆทุกชิ้น น้ำซุปก็หอมอร่อยถูกใจคน ชอบปลาร้าอย่างผม ถ้าไม่ทานปลาร้าทางร้านก็มีน้ำซุปแบบน้ำเงี้ยวไว้บริการด้วย ถ้าจะให้ครบเครื่องก็ต้องทานคู่ กับถั่วฝักยาวสดจิ้มกะปิซึ่งมีให้เลือกทั้งกะปิเวียดนามและกะปิไทย รสมันของถั่วฝักยาวเข้ากันอย่างดีกับรสเค็ม ของกะปิเสร็จแล้วแล้วซดน้ำซุปตามอร่อยมาก ใครยังไม่เคยทานกะปิเวียดนามแนะลองชิมดูไม่ธรรมดาเหมือนกัน ระหว่างรออ่านฉบับหน้า ตามดูรายละเอียดร้านอื่นๆใน CLMV  และจานเด็ดที่ผมชอบได้ที่แฟนเพจ Kasemsant AEC นะครับ

[smartslider3 slider="9"]

NO COMMENTS