ทำไมแรงงานเมียนมาคลั่งไคล้อองซาน ? (3)

0
531

สองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้เล่าว่าสาเหตุที่แรงงานและคนเมียนมาทั่วไปคลั่งไคล้ด่อว์อองซานอย่างมากนั้น เป็นเรื่องที่สืบ เนื่องมาจากการที่พ่อของเธอปู่ว์โช่วอองซานเป็นวีรบุรุษคนแรกของประเทศ และเมื่อเกิดวิกฤติทางการเมืองจนทำให้คน เมียนมาต้องหาคนมานำมวลชนเพื่อต่อสู้กับรํฐบาลทหารนั้น ผู้คนซึ่งไม่มีวีรบุรุษหรือแกนนำคนอื่นๆจึงได้ไปเชิญ ด่อว์อองซานมาเป็นแกนนำ และหลังจากนั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปจนกระทั่งปัจจุบัน

เมื่อพรรค NLD ของเธอชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุดอย่างถล่มทลายจนพรรค USDP  ของทหารต้องยอมแพ้และถอยกับ เข้ากรมกองอย่างสงบนั้น แทนที่ด่อว์อองซานจะใช้ไม้แข็งเดินหน้าลุยกับทหาร เธอกลับใช้ไม้อ่อนเดินเข้าหาและพูดคุยกับ กองทัพถึงการถ่ายโอนอำนาจอย่างนุ่มนวล ไม่แข็งกร้าวเสมือนหนึ่งว่าเธอไม่เคยโดนกองทัพกักบริเวณและกดขี่ข่มเหงเธอ มาโดยตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ.  2531

แม้ว่าลึกๆแล้วกองทัพอาจจะยังไม่สบายใจนักกับการก้าวขึ้นมามีอำนาจของเธอแต่เมื่อด่อว์อองซานใช้ความนุ่มนวลและ การเจรจาเป็นตัวนำ กองทัพจึงยอมรับกับสภาพในปัจจุบันได้ แม้ว่าในความเป็นจริงกองทัพเมียนมาจะยังมีอำนาจเต็ม เหมือนเดิมและสามารถจะทำอะไรก็ได้ แต่กองทัพก็เลือกที่จะอยู่นิ่งๆปล่อยให้ด่อว์อองซานบริหารประเทศต่อไปได้

การเสนอชื่อของพรรค  NLD เพื่อการเลือกตั้งประธานและรองประธานทั้งสภาสูงและสภาล่างของด่อว์อองซานที่ได้คน จาก หลายชนเผ่ามาดำรงตำแหน่งรวมถึงรัฐมนตรีหลายคนที่มาจากหลายชนเผ่าก็เป็นก้าวย่างที่สำคัญที่ทำให้เธอได้ใจ คนจากหลายชนเผ่าที่ลึกๆแล้วยังคงมีความต้องการที่จะเป็นรัฐอิสระ มีอำนาจปกครองตนเอง ซึ่งพ่อของเธอเคยพยายาม จะผลักดันผ่าน “สนธิสัญญาปางโหลง” แต่ไม่สำเร็จเพราะมีคนไม่เห็นด้วยกับแนวนี้ดังกล่าวจึงได้สั่งให้คนบุกมาสังหาร ปู่ว์โช่ว์อองซานและคณะรัฐมนตรีหลายคนขณะที่พวกเขากำลังเร่งรัดผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น ดังนั้นการรื้อฟื้นหยิบเอา      เรื่อง “สนธิสัญญาปางโหลง” กลับขึ้นมาเจรจากับชนเผ่าต่างๆของด่อซ์อองซานก็ยิ่งทำให้เธอชนะใจคนทุกชนเผ่าใน ประเทศได้มากยิ่งขึ้น

เพียงไม่กี่เดือนจากการก้าวเข้าสู่อำนาจ ด่อว์อองซานได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอสามารถบริหารจัดการความสัมพันธ์กับ กองทัพและชนเผ่าต่างๆได้อย่างดีชนิดที่เรียกว่าเซียนการเมืองเมียนมายังต้องยอมยกนิ้วให้ว่าเธอนั้นไม่ธรรมดาอย่างน่า อะเมซิ่งจริงๆ ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้คนเมียนมาที่อยู่ทั้งในและนอกประเทศยิ่งรู้สึกรักและศรัทธาเธอมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นเมื่อเธอได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมเยือนแรงงานเมียนมาในไทยอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่แรงงานเหล่านี้จะดีใจ และตื่นเต้นอย่างมาก และทุกคนอยากจะเข้าไปเห็นเธอใกล้ๆสักครั้งในชีวิต แม้แต่เด้กนักเรียนเมียนมาที่เกิดในแผ่นดิน ไทย ก็ยังพลอยตื่นเต้นดีใจอยากจะเข้าไปใกล้ชิดเธอ บางคนก็ได้เตรียมทำกิ๊บติดผมเป็นพิเศษเพื่อที่จะเอาไปมอบให้เธอ

น่าเสียดายที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธอเพราะการข่าวที่ได้มาในช่วงนั้นดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยปลอดภัยนักหากทางการไทยจะเปิดให้แรงงานเมียนมาได้เข้ามาใกล้ชิดเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อนที่เธอมาเยือน ภาพที่ออกไปทั่วโลกจึงดูเหมือนแรงานเมียนมาถูกกีดกันไม่ให้พบวีรสตรีคนเดียวในดวงใจของเขา ทุกวันนี้หากได้ไปเที่ยวเมียนมา เราจะได้เห็นภาพปู่ว์โช่ว์อองซานและด่อว์อองซานพิมพืหรือวาดคู่กันวางขายเต็มไปหมด เป็นการยืนยันว่าคนเมียนมานั้นยังคงรักและเทิดทูนพ่อลูกคู่นี้อย่างไม่เสื่อมคลาย

[smartslider3 slider="9"]