Amazing AEC – คอร์รัปชั่นใน AEC

0
653



ผลการวัดดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี พ.ศ. 2560 ออกมาแล้วครับ ผมเลยจะขอเอาผลงานปราบคอร์รัปชั่นของแต่ละประเทศมาเปรียบเทียบกันดูนะครับ เริ่มกันที่ประเทศไทยของเราก่อน คะแนนล่าสุดเราได้ 37 คะแนนดีขึ้น 2 คะแนน และได้อันดับที่ 96 จากทั้งหมด 180 ประเทศดีขึ้น 5 อันดับ ดูผิวเผินหลายท่านอาจจะคิดว่าเรื่องความโปร่งใสนั้นบ้านเราดีขึ้น แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะถ้าดูย้อนหลังไป 6 ปีในพ.ศ. 2555 นั้นไทยได้คะแนนเท่าเดิมคือได้ 37 คะแนนและได้อันดับที่ 88 จากทั้งหมด 196 ประเทศ ถ้าดูในรายละเอียดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมานั้น คะแนนของไทยเราแกว่งอยู่ในช่วง 35 ถึง 38 คะแนนและอันดับอยู่ที่ 76 ถึง 101 โดยปีที่ดีที่สุดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมานั้นคือปีพ.ศ. 2557 และ 2558 ที่เราได้คะแนน 38 คะแนนทั้งสองปี ได้อันดับที่ 85 และ 76 ตามลำดับ ส่วนปีที่แย่ที่สุดคือปีพ.ศ. 2556 และปีพ.ศ. 2559 ที่เราได้เพียง 35 คะแนนและได้อันดับที่ 102 และ 101 ตามลำดับ

ถ้าจะดูย้อนหลังให้ไกลกว่านั้น เริ่มกันปีแรกตั้งแต่ไทยเราเข้าร่วมวัดดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นในปีพ.ศ. 2538 นั้น ไทยเราได้ 2.79 จากคะแนนเต็ม 10 ได้อันดับที่ 34 จากทั้งหมด 41 ประเทศ หลังจากนั้นเป็นต้นมาคะแนนของไทยเราแกว่งอยู่ในช่วงระหว่าง 30 และ 38 คะแนน โดยไทยเรายังไม่เคยสอบผ่านได้คะแนนเกิน 50 คะแนนเลย น่าตกใจและเศร้าใจมาก

ประเทศที่มีพัฒนาการด้านการปราบคอร์รัปชั่นแย่กว่าไทยเห็นจะมีอยู่เพียงประเทศเดียวใน AEC เพราะ 6 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาแทบจะไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เพราะจากที่เคยได้ 22 คะแนนในปีพ.ศ. 2555 ปีล่าสุดได้ 21 คะแนน ส่วนอันดับที่ เคยได้ที่ 157 นั้นปีล่าสุดได้ที่ 161 กัมพูชาเลยเป็นประเทศที่มีคะแนนและลำดับแย่ที่สุดใน AEC ปล่อยให้สปป.ลาว และเมียนมาร์ซึ่งเคยได้คะแนนแย่กว่าแซงไปเรียบร้อยทั้งสองประเทศ

เมียนมาร์ซึ่งเคยเป็นประเทศที่มีสถานการณ์ด้านการปราบคอร์รัปชั่นแย่ที่สุดใน AEC คือได้เพียง 15 คะแนนในปีพ.ศ. 2555 ได้อันดับที่ 172 เกือบโหล่จากทั้งหมด 176 ประเทศที่เข้าร่วมวัด หลังจากนั้นเมียนมาร์ก็ได้คะแนนกระโดดขึ้นมาถึง 6 คะแนนเป็น 21 คะแนนในปีพ.ศ. 2556 และ 2557 ก่อนจะเพิ่มเป็น 22 คะแนนในปีพ.ศ. 2558 และมาเพิ่มอย่างก้าว กระโดดครั้งที่สองอีก 6 คะแนนเป็น 28 คะแนนในปีพ.ศ. 2559 ก่อนจะได้เพิ่มอีก 2 คะแนนในปีล่าสุดที่ 30 คะแนน ได้อันดับที่ 130 จาก 180 ประเทศ ดีขึ้นอย่างน่าอะเมซิ่ง

ส่วนสปป.ลาวซึ่งได้อันดับเกือบบ๊วยของ AEC ในปีพ.ศ. 2555 คือได้เพียง 21 คะแนนแย่กว่ากัมพูชา 1 คะแนน และ ได้อันดับที่ 160 นั้นสามารถพัฒนาการปราบคอร์รัปชั่นได้ดีอย่างก้าวกระโดดเหมือนเมียนมาร์ 2 ช่วงคือช่วงพ.ศ. 2555 – 2556 และ 2558 – 2559 เพราะได้คะแนนเพิ่มขึ้นปีละ 5 คะแนนเลยทีเดียว แม้ว่าผลงานปีล่าสุดจะลดลงไป 1 คะแนนเหลือ ได้ 29 คะแนนและได้อันดับที่ 135 แต่ก็ต้องยอมรับว่าสปป.ลาวทำได้ดีอย่างน่าชมเชย

เวียดนามซึ่งเคยได้ 31 คะแนนและได้อันดับที่ 123 ในปีพ.ศ. 2555 คะแนนห่างจากไทยถึง 6 คะแนนเพราะเราได้ 37 คะแนน อันดับก็ห่างจากเราถึง 35 อันดับนั้นค่อยๆ แก้ไขเรื่องคอร์รัปชั่นจนคะแนนกระเตื้องขึ้นมาเรื่อยๆ ปีล่าสุดคือพ.ศ. 2560 นั้นเวียดนามได้ 35 คะแนนตามหลังเราเพียง 2 คะแนนและได้อันดับที่ 107 ห่างจากไทยเรา 11 อันดับ โชคของไทย เรายังดีที่คะแนนเราปีนี้ขยับเพิ่มขึ้นได้ 2 คะแนนเป็น 37 คะแนน ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าคะแนนคอร์รัปชั่นเวียดนามได้เท่ากับ ไทยเราเมื่อไหร่ บรรดาคนไทยที่ชอบคิดว่าไทยเราโปร่งใสกว่าเวียดนามคงจะต้องช็อคกันเป็นแถว ความจริงอีกหลายเรื่อง ที่เราต้องยอมรับให้ได้ก็คือว่าวันนี้ระบบการศึกษาของเวียดนามดีติดอันดับโลกขณะที่ของเรายังแย่อยู่มาก ด้านพัฒนาการ เศรษฐกิจเวียดนามก็กำลังหายใจรดต้นคอและจะแซงไทยได้ในอีก 30 ปีเศษข้างหน้า และล่าสุดเรื่องการปราบคอร์รัปชั่น เวียดนามก็กำลังตีเสมอเมืองไทย น่าสนใจดีนะครับ

นี่ขนาดผลของแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน เงินยืม 300 ล้านบาทและตลาดเถื่อนประเวศ ซึ่งเกี่ยวพันกับการคอร์รัปชั่นทั้งสิ้น ยังอาจจะส่งผลไปไม่ทันผลการสำรวจในปีล่าสุดนี้ ไทยเรายังทำคะแนนได้แค่นี้ อาทิตย์หน้าจะพาไปดูประเทศใน AEC อื่นๆ ว่าเขาทำได้ดีมากน้อยเพียงใด

[smartslider3 slider="9"]