Amazing AEC – ร้านปูฟองกัว

0
633


ชอบทานปูทะเลกันมั้ยครับ? ถ้าชอบทานปูต้องไม่พลาด “ร้านฟองกัว PhongCua” ที่โฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่ 1019/1067 Binh Quoi, P.28, Q. Binh Thanh ซึ่งต้องข้ามสะพานถั่นดา Thanh Da ไป มีอยู่สองสาขาใกล้ๆกันใช้ได้ทั้งคู่ครับ ตอนผมพา คณะไปร้านนี้ซึ่งต้องนั่งรถออกจากใจกลางเมืองโฮจิมินห์ออกไปราวๆ 45 นาทีนั้นหลายคนเริ่มหงุดหงิดเพราะไม่คิด ว่าจำเป็นจะต้อง นั่งรถไปนานถึงขนาดนั้น แค่ร้านปูมันจะอร่อยคุ้มที่เสียเวลานั่งรถนานๆเชียวเหรอ?


พอไปถึงร้านซึ่งมีรูปปั้นปูตัวใหญ่เด่นเป็นสง่าอยู่ที่ป้ายหน้าร้าน ทำให้คณะใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่าเป็นร้านที่เก่งเรื่องปูจริงๆ พอเดินเข้าไปในร้านซึ่งกว้างขวางแถมอยู่ริมน้ำทุกคนดูเหมือนจะยิ้มออก และพอได้เห็นตะกร้าปูทะเลตัวใหญ่ๆที่แยกวาง ไว้สองตะกร้าคือปูไข่และปูเนื้อให้ลูกค้าเลือกหยิบเอาตามอัธยาศัย หลายคนก็เริ่มสนุกกับการไปเลือก ปูเป็นๆตัวโตๆ ที่น่า สนใจคือพอได้รู้ราคาปูไข่ตัวโตๆกิโลกรัมละ 274,000 ด่อง (400 บาท) และปูเนื้อตัวโตๆราคากิโลกรัมละ 234,000 ด่อง (340 บาท) ทุกคนถึงกับร้องทำไมถูกอย่างนี้ ความจริงก็คือ เวลาเราไปทานปูทะเลตัวใหญ่ๆอร่อยๆราคาแพงๆในฮ่องกง ปูทะเลเหล่านั้นส่วนมากมาจากเวียดนามทั้งนั้น เพราะ เวียดนามคือผู้ส่งออกปูทะเลรายใหญ่ไปฮ่องกง และอย่าคิดว่ามีปู ให้เลือกเฉพาะแค่ที่เห็นในตระกร้านะครับ ถ้าไปร้านนี้ลองหันไปมองรอบๆให้ดี ถ้าเห็นลังพลาสติคสีแดงที่ตั้งไว้เป็น แถวๆอยู่รอบๆนั่นแหล่ะครับปูทะเลที่เตรียมไว้ขาย มีให้เลือกทานกันแบบจุใจไปเลย
พอเลือกปูจนพอใจแล้วก็เอาไปให้ร้านเขาชั่งกิโลเพื่อคิดราคา แล้วอยากให้เอาปูตัวไหนทำอะไรก็บอกเขา คนคิดเงินก็จะ แยกปูใส่ตะกร้าเล็กๆแล้วเขียนกระดาษใส่เอาไว้ว่าตะกร้าไหนทำอะไร โดยคิดค่าทำกิโลกรัมละราวๆ 30 ถึง 70 บาท แล้วแต่เมนู ถูกจนน่าตกใจใช่มั้ยครับ
เวลามาทานปูทะเลในเวียดนาม ผมแนะนำให้ทานทั้ง 3 แบบตามลำดับรสชาติดังนี้คือ ปูนึ่ง เพื่อจะได้รับรู้ถึงความสดและ ความหวานของเนื้อปูทะเลเวียดนามว่าเยี่ยมขนาดไหน คณะไทยหลายคณะที่ผมพาไปทานบอกว่าถ้าเนื้อปูทั้งแน่นทั้งสด ทั้งหวานขนาดนี้น้ำจิ้มไม่ต้องมีก็ได้ จานต่อมาผมแนะนำให้ลองทาน “ปูผัดซอสมะขาม” ซึ่งเป็นเมนูปูยอดนิยมของชาว เวียดนาม ซอสมะขามแบบของเวียดนามนั้นเข้มข้นครบสามรสเลยคือเปรี้ยวหวานเค็ม เวลาทานปูผัดซอสมะขามนี่ต้อง ยอมให้มือเลอะเทอะหน่อย เพราะซอสมะขามรสเข้มข้นที่เคลือบอยู่บนตัวปูนั้นมันลื่นได้ใจ เวลาจับต้องจับให้แน่นๆ หลายคนชอบแกะไปดูดนิ้วชิมซอสไปก็ได้รสชาติอร่อยแถมสนุกอีกต่างหาก

ส่วนอีกเมนูที่ผมอยากให้ลองคือ “เหลาปู” หรือหม้อไฟปู อีกเมนูยอดนิยมที่ทุกโต๊ะจะต้องสั่งปิดท้ายรายการ เวลาเสิร์ฟ เขาจะยกมาเป็นหม้อไฟให้มาต้มทานกันที่โต๊ะเลย น้ำซุปจะใส่หน่อไม้ดอง ข้าวโพดอ่อน ผักแขยง ผักชีฝรั่งและมะเขือเทศ มาแล้วรสชาติน้ำซุปจะออกเปรี้ยวๆหวานๆซดแล้วคล่องคอชื่นใจดีครับ พอน้ำเดือดได้ที่ก็ใส่ปู พอปูสุกเราก็ใส่ผักที่ทาง ร้านเตรียมมาให้จานใหญ่เชียว มีทั้งดอกแค ดอกโสน ผักบุ้ง ผักกระเฉด บอนและผักตูน พอผักสุกเราก็ตักเอาขนมจีน ใส่ถ้วยของเราไม่ต้องเอาลงไปลวกแล้วตักปูตักผักและน้ำซุปใส่ถ้วยเรา หลังจากนั้นก็เป็นเวลาของความอร่อยละครับ
ส่วนเมนูปูคั่วเกลือของร้านนี้ ผมว่าคนไทยคงจะไม่ชอบเพราะไม่เข้มข้นเหมือนปูผัดพริกเกลือบ้านเรา แถมยังใส่ซอส มะขามแห้งและหอมใหญ่อีกต่างหาก รสชาติเลยออกเปรี้ยวๆหวานๆเค็มๆ คล้ายรสชาติไข่ลูกเขยยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบ
ความจริงร้านนี้ยังมีซีฟู้ดอื่นๆให้เลือกทานอีกเยอะพอสมควร แต่ผมแนะนำให้ทานแต่ปูให้หนำใจก่อน ถ้ายังไม่พอใจ ค่อยทานซีฟู้ดอื่นๆ เพราะถ้าเป็นเมนูกุ้งกั้งปลาหอย ยังมีร้านอร่ยๆอื่นที่ผมวันหลังจะแนะนำให้ไปลองทานกัน


ยังมีอีกสองจานของร้านนี้ที่ผมชอบมากและอยากให้ลองสั่งมาทานเรียกน้ำย่อยคือกระเจี๊ยบนึ่ง ซึ่งทานเปล่าๆก็ยังอร่อย และถ้าเอาไปจิ้มเต้าหู้ยี้ขาวซึ่งหน้าตาเหมือนชีสแต่รสชาติเป็นเต้าหู้ยี้ที่รสชาติกลมกล่อมมากจะอร่อยสุดๆ ทานเพลินจริงๆ และผักนึ่งจิ้มน้ำปลาหวานซึ่งอร่อยเพราะใช้น้ำปลาดีของเวียดนามแถมใส่กากหมูและกุ้งแห้งลงไปด้วย แต่ที่ยังอดขำตัว เองไม่ได้ก็คือข้าวผัดทะเลหน้าตาธรรมดาซึ่งตั้งใจสั่งมาให้คนขับรถทาน แต่พอทางร้านเอามาเสิร์ฟกลิ่นหอมของข้าวผัด โชยมาแตะจมูกอย่างแรงผมเลยขอลองชิมและพอเติมซอสลงไปนิดแล้วชิมต้องบอก “งอนหลำ” หรืออร่อยมากอย่างน่า อะเมซิ่งครับ ร้านนี้ Mr.AEC ให้ 5 ดาวแปลว่าอร่อยมาก ไกลแค่ไหนก็ควรไปชิมครับ

[smartslider3 slider="9"]